คาด SET INDEX เคลื่อนไหวกรอบ 1373 – 1385 น่าจะลดความร้อนแรงบ้างหลังวาน นี้ปรับตัวขึ้นมาแรงถึง 1.38% ตอบรับต่อปัจจัยบวก ( 1) ความคืบหน้าวัคซีน ( 2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรปวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร ขณะเดียวกันปัจจัยในประเทศยังคงต้องให้ความสำคัญกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน เมื่อคืนที่ผ่าน BBL รายงานกำไรสุทธิ 2Q20 ที่ 3.09 พันล้านบาท ( -67 %YoY , -60 %QoQ) ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดที่ 7 พันล้านบาทรับแรงกดดันจากการตั้งสำรองที่สูงถึง 1.3 หมื่นล้านบาท +139%YoY ด้าน NPL เร่งตัวขึ้นมาเป็น 4% จาก 1Q20 ที่ 3.5% ส่วนกำไรครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.07 หมื่นล้านบาท ( -41 %YoY) และคิดเป็นสัดส่วนจากประมาณการทั้งปีของ Bloomberg Consensus เพียง 37% ต่ ากว่า 50% มีความเสี่ยง ต่อการถูกปรับลดประมาณการลง
ด้านปัจจัยวันนี้ ( 1 ) การประชุม ศบค. ชุดใหญ่ วันนี้จะมีการหารือกันเกี่ยวกับการต่อ อายุ พรก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน รวมถึงการผ่อนคลายเฟส 6 ซึ่งจะประกอบไปด้วยการอนุญาตให้แรงงานต่างด้าว , กองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศ , ต่างชาติที่จะ เข้ามารักษาพยาบาล สามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้แต่คาดน่าจะยังจำกัด จำนวนความเห็นเรามองว่าหากต่ออายุ พรก.ฉุกเฉินออกไปมองไม่มีผลใดๆต่อดัชนี ส่วนการเริ่มผ่อนคลายให้ต่างชาติเข้ามา ประการแรกมองเป็นสัญญาณที่ดีต่อโอกาส เกิด Travel bubble ในระยะถัดไปประการสองมองเป็นบวกต่อหุ้นที่มีรายได้ค่า รักษาพยาบาลจากต่างชาติ (BDMS BCH ) และสนามบิน (AOT (BK:AOT)) เชิงกลยุทธ์การลงทุน เรายังมองดัชนีเป็นเพียงช่วงของการรีบาวน์เท่านั้น ซึ่งในเชิงปัจจัยพื้นฐานยังดูอ่อนแอ ดังนั้นนักลงทุนจึงควรเล่นสั้นๆเท่านั้น โดยเน้นหุ้นมีปัจจัยบวก (BCH CPF PTG SC TASCO TFG) หุ้นมีรายได้ในยุโรป (KCE MINT TU)
Stock Pick
SC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 2.77 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q20 ที่ 481 ล้านบาท (+ 70 %YoY +60 %QoQ) รับผลดีจากผู้บริโภคหันมาสนใจบ้านแนวราบมากขึ้น ซึ่งบริษัท มีโครงการแนวราบรอขายอยู่ถึง 48 โครงการ โดยในช่วง 2Q20 บริษัทมียอด Pre Sale อยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท (+48 %YoY +214 %QoQ) มาจากแนวราบราว 91% ขณะเดียวกันหลังจากเข้าสู่เดือน ก.ค. ปรากฏว่าโครงการแนวราบยังไปได้ดีต่อเนื่อง โดยมีเข้ามาแล้วกว่า 1 พันล้านบาททำให้ยอดขายรวมถึงปัจจุบันอยู่ที่ 9.2 พันล้าน บาท ปัจจุบันเราอยู่ระหว่างทบทวนการปรับประมาณการซึ่งอาจจะปรับขึ้นเนื่องจาก กำไรสุทธิ 1H20 สูงถึง 60% ของประมาณการทั้งปี
BCH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 16.2 บาท) ราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาค่อนข้าง Laggard ปรับตัวขึ้นมาเพียง 24% จากจุดต่ำสุดสวนทางกับหลายอุตสาหกรรม หรือหลายหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาร้อนแรง ส่วนนึงเชื่อว่าสาเหตุที่ Laggard อาจมาจากบริษัทมีรายได้ บางส่วนจากการรักษาคนไข้ต่างชาติ ซึ่งจากการที่ประเทศไทยยังไม่เปิดให้ต่างชาติ เข้ามาจะเป็นส่วนจำกัดรายได้ส่วนนี้ อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกคือการพิจารณาของ ศบค.ในวันนี้เกี่ยวกับการให้ต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามารักษาได้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกตรงต่อบริษัท
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th