OMAB หรือชื่อบริษัทเต็มคือ Grupo Aeroportuario Centro Norte, S.A.B. de C.V., ก่อตั้งเมื่อปี 1998 จดทะเบียนในตลาดหุ้นเม็กซิโก (BMV: OMA B) และตลาดหุ้นอเมริกา (NASDAQ: OMAB)
OMAB ได้รับสัมปทานสนามบินทั้งหมด 13 แห่งใน 9 รัฐในประเทศเม็กซิโก (เม็กซิโกมี 32 รัฐ) โดยเน้นหนักไปที่ภาคเหนือและกลาง ของประเทศเม็กซิโก แต่ละสนามบินได้รับสัมปทาน 50 ปี นับจากปี1998 โดยจะมีการต่ออายุทีละ 50 ปีโดยกระทรวงคมนาคม มีรายได้หลักจากการเก็บค่าธรรมเนียมจากสายการบิน, ผุ้โดยสาร และ อื่นๆเช่นปล่อยเช่าพื้นที่ โรงแรม ค่าจอดรถ ปีล่าสุด 2019 มีผุ้ใช้บริการประมาณ 22 ล้านคน ทุกสนามบินมีทั้งสายการบินในประเทศและระหว่างประเทศ โดยสัดส่วนผู้โดยสารของรวมๆทุกสนามบิน ภายในประเทศต่อระหว่างประเทศ คือ 88:12
ขอเล่าคร่าวๆธุรกิจสนามบินในเม็กซิโกก่อน
สนามบินในเม็กซิโกหลักๆมีสามบริษัท คือ Grupo Aeroportuario del Pacifico (NYSE:PAC) เน้นสนามบินพื้นที่ชายฝั่ง pacific; Grupo Aeroportuario del Sureste (NYSE:ASR) เน้นสนามบินท่องเที่ยวเช่นที่ ฮิตๆคือ Cancun และสุดท้าย Grupo Aeroportuario del Centro Norte (OMAB) เน้นภาคเหนือ,กลาง และหัวเมืองต่างๆ
4 อันดับสนามบินที่คนใช้บริการมากสุดในเม็กซิโกคือ
#1 Mexico City (ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นใดๆ)
#2 Cancun - ASR
#3 Guadalajara - PAC
#4 Monterrey - OMAB
เส้นทางการบินยอดนิยมสุดคือ Montterrey – Mexico city
กลับมาที่ธุรกิจกลักของ OMAB
สนามบินทั้ง 13 แห่งของ OMAB สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทตามที่ตั้ง
1. Metropolitan area (เมืองศุนย์กลางการค้า) คิดเป็น 49% ของผุ้โดยสารทั้งหมด – มีสนามบินแห่งเดียวคือที่ Monterrey ซึ่ง เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของเม็กซิโก เป็นเมืองหลวงของรัฐ Nuevo León ซึ่งทำ GDP ได้เป็นอันดับสามในประเทศ และเป็นหนึ่งในเมืองอุตสาหกรรมใหญ่สุดในประเทศ เป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำในหลายอุตสาหกรรม นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยดังๆหลายแห่งด้วย
2. Tourist destination คิดเป็น12% ของผุ้โดยสารทั้งหมด – มีสนามบิน 3 แห่งคือ Acapulco, Mazatlán และ Zihuata แต่อันดับความฮิตของแหล่งท่องเที่ยวใกล้สนามบิน3แห่งนี้จะอยู่ประมาณที่ 20 ในประเทศ
3. Regional centres (หัวเมืองหลัก) คิดเป็น 30% ของผุ้โดยสารทั้งหมด – มีสนามบิน 7แห่งคือ Chihuahua, Culiacán, Durango, San Luis Potosí, Tampico, Torreón และ Zacatecas โดยทั้งหมดนี้อยู่ในเมืองที่ค่อนข้างเจริญ และแต่ละเมืองมีอุตสาหกรรมเด่นๆต่างกันไปเช่น Chihuahua และ Torreón เน้นการผลิต, Tampico เน้นปิโตรเคมีเป็นต้น
4. Border cities (เมืองติดชายแดน) คิดเป็น 9% ของผู้โดยสารทั้งหมด – มีสนามบิน 3 แห่งคือCiudad, Juárez และ Reynosa โดยสนามบินสองแห่งนี้เป็น boarder ที่คนนิยมข้ามไปมาระหว่างเม็กซิโกและอเมริกา
ธรรมชาติธุรกิจสนามบินในเม็กซิโกถ้าเป็นสนามบินตามหัวเมืองไม่ได้มีการแข่งขันกันรุนแรงอยู่แล้ว 1 เมืองก็จะมี 1 สนามบิน มาเปิดแข่งเพิ่มก็ไม่คุ้ม ค่อนข้างมีอำนาจต่อรองเหนือสายการบิน กับผู้โดยสาร แต่ถ้าเจาะดูสนามบินเน้นนักท่องเที่ยวอาจจะต้องมองเรื่องความสามารถในการแข่งขันของแหล่งท่องเที่ยวของที่ตั้งสนามบินต่างๆเปรียบเทียบกันทั้งในและนอกประเทศ อย่างไรก็ตามสัดส่วน operating income ของสนามบินจากแหล่งท่องเที่ยวก็คิดเป็นประมาณ 15% ของ operating income รวมของบริษัท ก็ไม่มากนัก
รายได้และกำไรย้อนหลัง (ต่อจากนี้ขออนุญาติใช้เป็นสกุลเงิน Mexican Peso โดย 1 Peso = 1.4 บาทโดยประมาณ)
ปี 2019 – 8,527 ล้าน กำไร 3,220 ล้าน
ปี 2018 – 7,907 ล้าน กำไร 2,852 ล้าน
ปี 2017 – 7,130 ล้าน กำไร 2,128 ล้าน
สามารถแยกสัดส่วนตามประเภทรายได้ดังนี้
1. Aeronautical revenue หรือรายได้จากกิจการการบิน คิดเป็น 76% ของรายได้รวม แบ่งย่อยได้เป็น
1.1. ค่าธรรมเนียมจากผู้โดยสารภายในประเทศ - 50% ของรายได้รวม
1.2. ค่าธรรมเนียมจากผู้โดยสารระหว่างประเทศ - 16% ของรายได้รวม
1.3. รายได้เก็บจากสารการบินต่างๆ - 10% ของรายได้รวม ส่วนนี้คือค่า landing, take off, aero car, jetways และอื่นๆ
รายได้ส่วนนี้จะมี maximum rate ที่ทางบริษัทสามารถเรียกเก็บได้ซึ่งจะคำนวณจาก Aeronautical revenue/(จำนวนผู้โดยสาร+จำนวนcargo)
2. Non-aeronautical revenue หรือรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน คิดเป็น 24% ของรายได้รวม แบ่งย่อยได้เป็น
2.1. Commercial – 12% ของรายได้รวม คือพวก ค่าที่จอดรถ 4%, ร้านค้า 2% และอื่นๆอีก 6% ของรายได้รวม โดยเฉลี่ยร้านขายอาหารเครื่องดื่มแต่ละสนามบินมีประมาณ 20 ร้าน
2.2. Diversification – 8% ของรายได้รวม หลักๆก็จะเป็น จากโรงแรม NH T2 และ Hilton Garden Inn คิดรวมเป็น 6% ของรายได้รวม และยังมีรายได้จากการบริการที่เกี่ยวข้องกับ Cargo ทั้งโกดังและขนส่งในสนามบินคิดเป็น 2% ของรายได้รวม รายได้ส่วน diversification นี้จริงๆก็ขึ้นอยุ่กับ traffic ใน airport ที่ตั้งอยู่ โดย NH T2 ตั้งอยู่ที่ Mexico city international airport และ Hilton ตั้งอยู่ที่ Monterrey airport
2.3. Complementary – 4% ของรายได้รวม ตัวนี้จะเป็นรายได้อื่นๆเช่น ปล่อยเช่าพื้นที่ให้สายการบินต่างๆ, ค่าตรวจกระเป๋าเดินทาง, และรายได้จิปาถะอื่นๆ
มาดูที่กำไร Operating margin รวมของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 16% โดย
operating margin สนามบินอยู่ที่ 16% (สนามบินท่องเที่ยวจะเยอะสุดประมาณ 18% โดยเฉลี่ย) และโรงแรม อยู่ที่ 30%
มาที่เงินสดที่ออกจากบริษัทหลักๆก็จะมีจากการลงทุน Capex, SG&A เป็นหลักเลยสองตัว
ในส่วนของการเติบโตนั้น รายได้รวมมีการเติบโตย้อนหลังค่อนข้างสม่ำเสมอประมาณ 15 % ต่อปี มาเป็นเวลา10ปีแล้ว
เม็กซิโกติดหนึ่งในสิบของประเทศยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยว มีการเติบโตของ GDP จากการท่องเที่ยว 7% โดยประมาณ
World bank มีประมาณการว่า passenger traffic ของเม็กซิโกน่าจะโต 4.5% ต่อปีได้ในอนาคต (2020-2037)
ธุรกิจส่วนโรงแรม NH T2 Hotel นั้น RevPAR ลดลงสองปีหลังๆเพราะ occupancy rate ลด Average Daily Rate ทรงๆ ส่วนโรงแรม Hilton garden Inn RevPAR โตดี เนื่องจาก occupancy rate โต Average Daily Rate โต
OMAB มีข้อจำกัดของการเติบโตเหมือนกันโดย เรื่องแรกคือ Capacity: อาคารผุ้โดยสารของสนามบิน Ciudad Juarez, Culiacan, Monterrey ล้นแล้ว Monterrey กำลังขยายเพิ่มอยู่; ส่วนเรื่อง runway มีแค่ Monterrey อยู่ที่ 68% ของ max capacity ส่วนสนามบินที่เหลือยังต่ำกว่า 50% อยู่
ข้อจำกัดเรื่องที่สองคือ Maximum rate ของรายได้ที่เกี่ยวกับกิจการการบิน จะออกทุกๆห้าปี ต่องติดตามดูว่า เพิ่มหรือลด โดยตอนนี้เหลือ upside ที่จะปรับค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากผู้โดยสารและ สายการบินขึ้นได้ไม่มากแล้ว
ถัดมาเรื่องความเสี่ยงของ OMAB
ความเสี่ยงเรื่องแรกเลยคือ รายได้ของสนามบินเม็กซิโกค่อนข้าง sensitive กับปัจจัยภายนอกมาก เพราะประมาณ 75% ของเที่ยวบินระหว่างประเทศจะมาจากอเมริกา ดังนั้นเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างเม็กซิโกและอเมริการวมถึงการท่องเที่ยว การใช้จ่ายของคนอเมริกันค่อนข้างกระทบพอสมควร โดยสินค้าส่งออกของเม็กซิโก 80% ถูกส่งไปยังอเมริกา และ FDI หรือการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศก็มาจากอเมริกาถึง 37%
ความเสี่ยงนี้เกิดขึ้นแล้วโดยขณะนี้มีการเพิ่มภาษีสินค้าจากเม็กซิโก ซึ่งส่งผลให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศน้อยลง การเดินทางระหว่างสองประเทศก็ลดลงตาม
ความเสี่ยงถัดมาคือ สายการบินซึ่งมาลงที่สนามบินต่างๆของ OMAB นั้นค่อนข้างกระจุกตัว: VivaAerobus และGrupo Aeroméxico (สองสายการบินนี้คิดเป็น 40% ของเที่ยวบินรวมที่มาลงสนามบินต่างๆของ OMAB แล้ว) รองลงมาก็จะเป็น Volaris, Interjet and TAR
สายการบินส่วนมากเป็นสายการบินlow cost
ความเสี่ยงต่อไปคือเรื่องผู้บริหาร OMAB บริหารโดย Quintana kawage family ซึ่งมีประวัติเคยทำบริษัทก่อสร้างแล้วเจ๊ง แต่จริงๆเท่าที่บริหาร OMAB มา 15 ปีก็ไม่มีปัญหาอะไร
ความเสี่ยงสุดท้ายคือเรื่องมาเฟีย (เหมือนในหนัง narco เลยครับ) แต่ถามเพื่อนคนเม็กซิกันเค้าบอกว่าไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และนักท่องเที่ยว โดยคดีฆาตรกรรมในเม็กซิโกก็ลดลงกว่าครึ่งในทศวรรตที่ผ่านมา
ป.ล. จริงๆลองไปดุงบดีสวยเลย ลองเทียบกับ AOT (BK:AOT) เล่นๆก้ดีพอๆกัน แต่ debt OMAB เยอะกว่าแต่ราคาก็ถูกกว่าด้วย
จบแล้วครับสำหรับหุ้น OMAB
จะรีวิวหุ้นต่างประเทศเรื่อยๆให้ต่อไป (ช้าหน่อยนะครับช่วงนี้ ขอโทษด้วยคร้าบ