1. รายได้ $6,150 ล้าน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ $6,080 ล้าน
2. กำไรต่อหุ้น $1.59 จากที่คาดไว้ $1.81 สาเหตุที่ต่ำกว่ามากเป็นเพราะมีค่าใช้จ่ายครั้งเดียว (One time charge) สำหรับภาษีทางด้าน R&D
3. จำนวนลูกค้าที่เพิ่มใหม่ทั่วโลกสูงถึง 10.09 ล้านราย เทียบกับที่คาดไว้ที่ 8.26 ล้าน สูงขึ้นเยอะเพราะได้ประโยชน์จากช่วงโควิด-19
4. ผู้บริหารประเมินว่าในไตรมาสหน้ารายได้จะทำได้ $6,330 ล้าน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ $6,400 ล้าน
ที่กระทบราคาหุ้นคืนนี้มากที่สุด (ก่อนเปิดตลาดหุ้นติดลบไป 9.12%) มาจากจำนวนลูกค้าใหม่ในไตรมาสหน้าที่ผู้บริหารคาดว่าจะทำได้เพียง 2.5 ล้านราย จากที่ตลาดคาดไว้ 5.27 ล้านราย
5. ในอดีตบริษัทระบุว่าคู่แข่งของบริษัทมีทั้ง Snap Chat จนถึงการนอนหลับ ล่าสุดระบุว่าคู่แข่งที่สำคัญรายใหม่คือ Tik Tok ที่เติบโตเร็วมากและมาแย่งเวลาในการดูไปจาก Netflix (NASDAQ:NFLX)
6. เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกันที่ Free cash flow ของบริษัทเป็นบวก $899 ล้าน เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วยังเป็นลบ 594 ล้าน
เนื่องมากจากการทำ Operating Profit ได้ดีขึ้นจากการลดค่าใช้จ่าย และเลื่อนการลงทุนสร้างหนังไปปีหน้า จากผลกระทบโควิด
7. โรงถ่ายหนังในเกาหลียังไม่โดนกระทบ ในขณะที่ยุโรปก็ยังดำเนินงานได้ต่อ แต่เตือนว่าสถานการณ์โควิดในอเมริกาอาจจะกระทบการผลิตหนังและรายการได้ รวมทั้งที่อินเดียและอเมริกาใต้ก็น่าเป็นห่วง
8. บริษัทแต่งตั้ง Ted Sarandos ที่เป็น Chief Content Officer ให้ขึ้นมาเป็น Co-CEO เคียงคู่กับนาย Reed Hastings ที่เป็น CEO อยู่
Netlflix ยังเป็นธุรกิจที่มีความได้เปรียบมากในแง่ของจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกและคุณภาพของหนังและรายการ
อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามกันต่อไปเพราะคู่แข่งอย่าง Disney+ ก็เร่งขยายการให้บริการไปทั้วโลกเหมือนกัน เพียงแค่ยังห่างกันมากครับ #Netflix #หุ้นอเมริกา
บทวิเคราะห์จาก เพจ Billionaire VI