เมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดแบบไม่ไปทางเดียวกัน โดย Dow Jones Industrial Average นั้นลบไป -361.19 จุด หรือ -1.39% ลงมาทำราคาปิดที่ 25,706.09 จุด ขณะที่ NASDAQ Composite +65.89 จุด +0.63% ส่งให้ดัชนีทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลต่อเนื่องที่ระดับ 10,558.39 จุด
อะไรทำให้ตลาดสหรัฐฯด้วยกัน แต่กลับมาเริ่มทำตัวออกห่างจากกันมากขึ้นไปอีก เรามาดูกันว่ามีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้าง
1. ข้อมูลล่าสุดของ Worldometer เปิดเผยว่า ตอนนี้สหรัฐฯมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก จำนวน 3,159,514 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก จำนวน 134,873 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นสูงกว่า 60,000 รายไปแล้ว
2. ปธน.ทรัมป์ ได้มีการอ้างผ่านทวิตเตอร์ว่า สหรัฐนั้นเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ต่ำที่สุดในโลก แต่สำนักข่าวอย่าง CNN ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่า ในกลุ่ม 20 ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก มีอย่างน้อย 14 ประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าสหรัฐ
3. นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า เขาไม่มั่นใจว่า จะมีการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ภายในช่วงต้นปีหน้า แม้ว่า ผลการทดลองวัคซีนหลายตัวจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจ พร้อมเตือนว่า สหรัฐฯเสี่ยงมีผู้ติดเชื้อรายวันแตะ 100,00 รายเร็วๆนี้
4. ข้อมูลจาก Google (NASDAQ:GOOGL) Mobility Report (ข้อมูล ณ วันที่ 5 ก.ค.) ของสหรัฐฯ พบว่า หลังการระบาดรอบสองในช่วงเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านลดลงอีกครั้งแม้ไม่มีมาตรการปิดเมือง โดยมีเพียงการใช้พื้นที่สวนสาธารณะเท่านั้น ที่ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง สิ่งนี้สะท้อนว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังไม่ฟื้นตัวดี
5. สวนทางกับกิจกรรมบนโลกออนไลน์ ที่โตได้ต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหมวด Grocery Delivery & Pickup Online ยอดขายโตถึง 35% นับตั้งแต่เดือนเม.ย. - มิ.ย.
6. ด้านการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เราเห็นเพียงแค่ คำมั่นสัญญาว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมแน่ๆถ้าเห็นสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ก็ยังไม่มีอะไรใหม่ๆออกมาให้เห็นเพิ่มเติม โดยมาตรการเยียวยาทางการคลังชุดใหม่ ก็ต้องรอเดือนส.ค. ถึงจะออกมา ตลาดจึงขาดปัจจัยกระตุ้นด้านนโยบายของภาครัฐฯในช่วงนี้
7. รวมถึงขนาดงบดุล (Balance Sheet) ของเฟด ที่ปรับลดลงมาต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน จากการปิด Position ของ Foreign Currency Swap ที่ออกวงเงินฉุกเฉินให้ธนาคารในต่างประเทศได้กู้ยืมเป็นสกุลดอลล่าร์ (ความต้องการดอลล่าร์ลดลงในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา)
8. ด้วยทั้งหมดทั้งมวล 7 ข้อที่กล่าวมา เมื่อรวมกับปริมาณสภาพคล่องที่มีอย่างมหาศาลจาก QE Unlimited ก็ทำให้หมวดการลงทุนที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ หุ้นกลุ่ม Technology และนั้นเลยทำให้หุ้น NASDAQ และหุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Cloud Base Service ทั่วโลกถึง Outperform ได้จนถึงตอนนี้
9. แต่นักลงทุนก็น่าจะเห็นว่า ดัชนี NASDAQ วิ่งขึ้นมาเร็วและแรงมากนับตั้งแต่จุดต่ำสุดกลางเดือนมี.ค.ปีนี้ และระดับดัชนี ห่างจากเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ มากกว่าช่วงก่อนฟองสบู่ dotcom แตกตอนปี 200 เสียอีก หลายคนจึงกังวลว่า ตรงจุดนี้ มันจะไปต่อได้อีกไกลจริงๆหรอ?
10. ซึ่งเอาเข้าจริง ก็มีความเสี่ยงที่หุ้นกลุ่มเทคฯบางตัว จะได้รับผลกระทบ จาก 3 ประเด็นนี้ คือ a) กฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งทางนายโจ ไบเดน พูดถึงการสืบสวนเพิ่มเติม และเป็นนโยบายตัวหนึ่งที่บอกไว้ว่าจะทำ หากได้ดำรงตำแหน่งปธน.แทนนายโดนัล ทรัมป์ b) ปัญหาโซเชียลมีเดีย ดูตัวอย่างปัญหา Facebook ล่าสุดกับ hashtag #stophateforprofit c) ปัญหาการจัดเก็บภาษีแบบดิจิทัล เพื่อมาชดเชยรายได้ฝั่งอื่นที่หายไป
11. แต่ข้อมูลจาก Bloomberg พบว่า ดัชนี NASDAQ แทบจะเป็นดัชนีเดียวในโลกที่มีการเติบโตของกำไรในปี 2020 มากกว่าปี 2019 โดยปัจจัยเร่งมาจาก New Normal และการระบาดของโควิด-19 ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ยังได้ประโยชน์เต็มๆ ตั้งแต่สัปดาห์หน้า เราจะเห็นการทยอยประกาศงบไตรมาส 2/2020 ออกมา โดย Microsoft และ Netflix (NASDAQ:NFLX) จะประกาศในวันที่ 16 ก.ค. Tesla (NASDAQ:TSLA) วันที่ 22 ก.ค. ขณะที่ Google และ Amazon วันที่ 23 ก.ค.
12. มุมมองด้านเทคนิค NASDAQ ระยะสั้น มาชนเป้าหมายที่ 10,500 จุดได้ ก็มีเป้าข้างบนอยู่ที่ 10,800 จุดในเดือนนี้ และ 11,680 จุดให้ลุ้นในไตรมาส 3/2020 นี้ ซึ่งถ้าขึ้นต่อ อาจไม่แรงเท่า 2-3 เดือนก่อนหน้าที่วิ่งแรงเหลือเกิน แต่ก็น่าสนใจ โดยมีจุด Stop Loss คือ 10,200 จุด
แหล่งที่มาข้อมูล :-
https://www.worldometers.info/coronavirus/country/us/
https://www.gstatic.com/…/2020-07-05_US_Mobility_Report_en.…
https://www.brickmeetsclick.com/june-2020-online-grocery-sc…
Mr.Messenger รายงาน
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกบนเพจ MrMessengerDiary