ภาพรวมการลงทุนวันนี้ – เรายังคงมองตลาดหุ้นไทยผันผวนในลักษณะ Sideway ถึง Sideway-up ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) ที่ SET Index สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ 10.41 จุด (+0.78%) วันนี้มีปัจจัยบวกหนุนการลงทุน จากความคาดหวังที่จะเห็นวัคซีนสามารถ ผลิต และเริ่มจำหน่ายในช่วงปลายปี 2563 รวมทั้งตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งใน ยุโรป และสหรัฐฯ ทำให้ตลาดกลับมาคาดหวังที่จะเห็นการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ หนุนความต้องการใช้น้ำมันดิบฟื้นตัว อีกทั้งรายงานของ EIA ที่ระบุปริมาณสำรองน้ำมันดิบลดลง หนุนการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ แต่เราให้น้ำหนักเพียงการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจาก Valuation ของกลุ่มเริ่มมี Upside ที่จำกัด
ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว ตอบรับปัจจัยบวกเรื่องปริมาณสำรองที่ลดลง – เราแนะนำเพียงเก็งกำไร หุ้นในกลุ่มพลังงานเท่านั้น เนื่องจาก Valuation ของกลุ่มเริ่มมี Upside ที่จำกัด ระยะสั้นมีปัจจัยบวกหนุนจากความเชื่อมั่นต่อความต้องการใช้น้ำมันดิบและภาพรวมเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น หลังผลการทดสอบวัคซีนรักษา COVID-19 จะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปลายปี 2563
ขณะที่ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบ สหรัฐฯ สิ้นสุด 26 มิ.ย. ลดลงมากถึง 7.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล และสวนทางกับรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ที่ระบุก่อนหน้านี้ ว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 8.2 ล้านบาร์เรล
รายงานประชุม FOMC ยังให้น้ำหนักความเสี่ยงเรื่อง COVID-19 รอบสอง - Fed เปิดเผยรายงานการประชุมเดือน มิ.ย. วานนี้ ระบุกรรมการ Fed ส่วนใหญ่มองว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบาย ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ควรสื่อสารกับตลาดเกี่ยวกับ สัญญาณชี้นำทิศทางนโยบายการเงิน (Forward Guidance) เกี่ยวกับการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed รวมทั้ง ผลักดันให้มีการใช้เครื่องมืออื่น ๆ เช่น การควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (yield curve control) เพื่อควบคุมอัตราดอกเบี้ยระยะยาว
นอกจากนี้ กรรมการ Fed ส่วนมากยังคงกังวลต่อการแพร่ระบาดรอบสองของ COVID-19 และยังระบุว่ามีความเสี่ยงที่มาตรการการคลังในการให้ความช่วยเหลือภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และรัฐบาลท้องถิ่น อาจจะไม่เพียงพอ
ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรป และสหรัฐฯ แข็งแกร่ง – การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ น 2.369 ล้านตำแหน่ง ในเดือน มิ.ย. ขณะที่การจ้างงานของภาคเอกชนในเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 3.065 ล้าน ตำแหน่ง ด้านดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 62 และเพิ่มขึ้นจากระดับ 43.1 ในเดือน พ.ค. และสูงกว่าที่ นักวิเคราะห์คาด ทั้งนี้ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ สอดคล้องกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.8 ในเดือน มิ.ย. จาก 39.8 ในเดือน พ.ค. ด้าน ยุโรปดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 47.4 ใน เดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และเพิ่มขึ้นจาก 39.4 ในเดือน พ.ค. ด้านจีน รายงาน ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.2 จากระดับ 50.7 ในเดือน พ.ค. และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 50.5
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ส้าคัญของสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ – ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน มิ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ อัตราว่างงานเดือน มิ.ย. ดุลการค้าเดือน พ.ค. ดัชนี ภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือน มิ.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) และยอดสั่งซื้อ ภาคโรงงานเดือน พ.ค
มุมมองทางเทคนิค – เราคาดว่า SET Index วันนี จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,338 – 1,362 จุด (มีแนวรับอยู่ที่ 1,344 1,338 และ 1,326 จุด และมีแนวต้านอยู่ที่ 1,355 1,362 และ 1,374 จุด) หุ้นแนะน้าทางเทคนิควันนี ได้แก่ LH PTTEP COM7 SPRC และ ESSO
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th
กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้