บรรยากาศการลงทุนเริ่มเผชิญกับปัจจัยลบ
(1) วันศุกร์ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศห้ามธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลรวมถึงห้ามซื้อหุ้นคืน เรามองปัจจัยดัง กล่าวเป็นลบระยะสั้นต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ที่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (BBL KBANK (BK:KBANK) KKP SCB) ส่วนสาเหตุที่มองว่าจะกระทบ ระยะสั้นเนื่องจากปัจจัยดังกล่าวไม่ได้กระทบต่อผลประกอบการส่วนระยะกลาง ต้องคอยติดตามหนี้สงสัยจะสูญ / อัตราการเติบโตของสินเชื่อ
(2) ปัจจัยของ ธนาคารแห่งประเทศไทย มองเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยัง ไม่ได้กลับมาแข็งแรงเหมือนที่ตลาดคิด สะท้อนจากตลาดปรับตัวขึ้นมา 40% จาก จุดต่่าสุด
(3) สถานการณ์ COVID19 ที่เร่งตัวขึ้นช่วง 2 วันที่ผ่านมาตัวเลขผู้ติด เชื้อในสหรัฐเพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 3.3 หมื่นราย / วันนับเป็นระดับที่สูง สุดในรอบ 50 วัน
ส่วนปัจจัยที่จะมีผลต่อสัปดาห์นี้ได้แก่
(1) การประชุม กนง. ในวันที่ 24 มิ.ย. เรา คาดว่าที่ประชุมจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.5% เพื่อเป็นการเก็บพื้นที่ไว้ยามฉุกเฉินกอปรกับเชื่อว่าที่ประชุมจะรอดูตัวเลขเศรษฐกิจหลังจากที่มี การผ่อนคลายมาแล้ว 4 ระยะ ซึ่งการที่ดอกเบี้ยนโยบายยังอยู่ในระดับต่่าจะเป็น บวกต่อหุ้นปันผลสูง (ADVANC TTW) โรงไฟฟ้า (BGRIM GULF GPSC RATCH) ขณะเดียวกันกลุ่มโรงไฟฟ้าจะได้อีกประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
(2) เมื่อวานที่ผ่านมาทางรองผู้บัญชาการทหารบกได้ประชุมหารือกับตัวแทนผู้ประกอบการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิง หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมได้เผยว่าจะมีการ น่าเสนอเข้าที่ประชุม ศบค. ในวันศุกร์นี้ความเห็นเราคาดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่ ทาง ศบค. อนุมัติให้ ผับ บาร์ กลับมาเปิดเนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 หากนับเฉพาะที่อยู่ในประเทศไม่พบผู้ติดเชื้อมาแล้วราว 27 วันประเมินเป็นบวกต่อ (BJC CPALL (BK:CPALL) BGC)
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์ได้แก่ (1) กระทรวงพาณิชย์มีก่าหนดรายงานตัวเลข การส่งออกประจ่าเดือน พ.ค. Bloomberg Consensus คาดมูลค่าส่งออกหดตัว 5%YoY ส่วนมูลค่าการน่าเข้าหดตัว 18%YoY หากออกมาดีกว่าคาดมองเป็นบวก ต่อบรรยากาศการลงทุน อย่างไรก็ตามหากต่่ากว่าคาดจะกลับมาเป็นปัจจัยกดดัน ได้
Weekly Strategy : แนะนักลงทุนควรมีเงินสดระดับสูงในพอร์ต การลงทุนเนื่องจากความเสี่ยงที่ดัชนีอาจปรับฐานจาก Valuation ทรงตัวระดับสูงสวนทางกับปัจจัยพื้นฐานที่ยังตามไม่ทัน ดังนั้นการ ลงทุนช่วงนี้ให้น้่าหนักกับหุ้น Defensive ที่ธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบ มากนักจากเศรษฐกิจ อาทิ โรงไฟฟ้า (RATCH) น้่าประปา (TTW) ธุรกิจผูกขาดที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว (BEM BTS) หุ้นได้ ประโยชน์จากการผ่อนคลายระยะที่ 5 (BJC CPALL BGC)
(BK:RATCH) (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 74.5 บาท) เรามองบริษัทมีความ ทนทานต่อเศรษฐกิจสูงสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากมีพอร์ตโรงไฟฟ้า SPP ที่เป็นโรงไฟฟ้าผลิตให้กับนิคมอุตสาหกรรมต่างๆน้อยที่สุด ดังนั้นผลกระทบจากการที่โรงงานนิคมอุตสาหกรรมชะลอการผลิตลง บริษัทจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ขณะเดียวกันในช่วง 2Q ของทุกปีเป็นช่วงที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของปี กอปรกับได้ ผลบวกจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ดังนั้นจะหนุนให้ผลประกอบการ 2Q ของบริษัทโดดเด่นกว่ากลุ่มอื่นๆได้
TTW (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 17 บาท) ด้วยรูปแบบธุรกิจของบริษัทที่ จ่าหน่ายน้่าประปาครอบคลุมหลายพื้นที่ในหลายๆจังหวัด ส่งผลให้ บริษัทมีความทนทานต่อเศรษฐกิจค่อนข้างสูง ขณะที่ในแง่ของผล ประกอบการช่วง 2Q คาดจะดีขึ้นจาก 1Q ตามผลประกอบการของ บริษัทร่วม (CKP) จะดีขึ้นตามปริมาณน้่าที่จะสูงขึ้นผลจากฝนที่เริ่ม ตกช่วง 2Q และ 3Q เข้าสู่ช่วงฝนตกเต็มฤดูกาล ซึ่งจะเป็นปัจจัย หนุนให้ผลประกอบการบริษัทค่อยๆฟื้นตัวได
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th
ห้ามพลาดครับ
แบงก์ชาติเตือนธนาคารในไทยงดจ่ายปันผล หรือ เศรษฐกิจไทยยังไม่เจอจุดต่ำสุด?
SET INDEX ไม่มีการเปิด Gap คาดจะเกิดการ Rebound อย่างค่อยเป็นค่อยไป