บมจ. ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ (BK:TACCm) ปี 20 รายได้คงไม่โต แต่กำไรยังโตได้
1 Q20 กำไรสุทธิ 4 3 ลบ. (+27%YoY, - 5%QoQ)
TACC มีกำไรสำหรับงวด 1 Q20 อยู่ที่ 4 3 ลบ. (+27%YoY, - 5%QoQ) แต่ถ้าไม่รวม กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 5 ลบ. กำไรปกติจะอยู่ที่ 38 ลบ. (+9%YoY แต่ - 16%QoQ) กำไรสุทธิยังเห็นการเติบโตจำกปีก่อนได้แม้ว่ารายได้จะลดลง 7%YoY เนื่องจากมีการควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้นรวมถึงมีสัดส่วนสินค้าที่มีกำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรขั้นต้นออกมาสูงถึง 33.6% (เทียบกับ 29.6% ใน 1Q19 และ 30.9% ใน 4Q19) ส่วนการลดลงจากไตรมำสก่อนหน้าสอดคล้องกับรายได้ที่ลดลงเนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากเหตุ COVID ที่ทำให้รายได้จากตู้กดน้ำมีรายได้ลดลง ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 6 3 ลบ. (+4%YoY.- 9%QoQ ) โดยในงวด 1 Q20 ไม่มีผลขาดทุนจากบริษัทร่วมเข้ามาแล้วหลังจากขายเงินลงทุนไปในช่วง 1H19 (1Q19 มีรับรู้เข้ามา 2.4 ลบ.)
ปี 20 เหนื่อย 1H20 ลุ้นรายได้ฟื้น 2H20
สำหรับแนวโน้มในช่วง 2Q20 ในแง่รายได้คาดว่าจะยังได้รับผลกระทบจากการ ระบาดของ COVID โดยเฉพาะในเดือนเม.ย. ที่มีการล๊อคดาวน์ทั้งประเทศทำให้ รายได้จากตู้กดน้ำในร้าน 7 - 11 มีปริมาณขายที่ลดลง รวมถึงการขยายสัญญาของธุรกิจลิขสิทธิ์ตัวละครเพราะลูกค้าไม่สามารถทำการตลาดได้ ส่งผลให้ระยะเวลารับรู้รายได้ต้องขยายออกไปเบื้องต้นจึงคาดว่ารายได้จะยังเห็นการลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ แต่คาดว่าหลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. ยอดขายจะเริ่มกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้โดยจะเห็นได้ชัดเจนในช่วง 2H20 เป็นต้นไป สำหรับแผนธุรกิจใหม่ๆนั้นกลุ่ม B2B ที่ทำร่วมกับกับทาง 7 -11 จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่องอย่างเช่นเครื่องดื่มรสชาติใหม่ สินค้าใหม่อย่างอโลเวร่า ท๊อปปิ้ง และการเพิ่มขนาดสินค้าในกลุ่ม Non -coffee ในร้าน All Caf é เป็นต้น ส่วนกลุ่ม B2C เริ่มมีการขายสินค้าให้กับร้านกาแฟพันธ์ไทยเพิ่มอีก 1 แบรนด์ได้แล้ว และยังมีการเจรจากับคู่ค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้านธุรกิจลิขสิทธิ์ตัวละครยังคงมี การเจรจาหาลิขสิทธิ์ใหม่ๆเพิ่มเช่นกันนอกเหนือจากที่มี San -X หมาจ๋า และ อาร์ทสตอรี่ ในปัจจุบัน ด้านการซื้อกิจการยังคงอยู่ระหว่างการเจรจา
คาดปี 20 รายได้หด แต่กำไรยังโตได้เล็กน้อย
ด้วยผลกระทบจากโรค COVID ในช่วง 1H20 ที่คาดว่ารายได้จะลดลงประมาณ 7 - 8%YoY ทำให้เราประเมินรายได้ในปี 20 ลดลงจากเดิม 1 2% มาอยู่ที่ 1,488 ลบ. ( - 2%YoY) แต่ในส่วนของกำไรสุทธิด้วยการที่มีมาตรการควบคุมค่าใช้จ่าย ทั้งในแง่ของต้นทุนสินค้าและประสิทธิภาพการผลิต ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33% ดีขึ้นจากปี 19 ที่อยู่ที่ 30.7% เราจึงคาดว่ากำไรสุทธิทั้งปี 20 จะยังเห็น การเติบโตได้เล็กน้อย +4%YoY มาอยู่ที่ 16 9 ลบ. ส่วนปี 21 หากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติคาดว่ารายได้จะเติบโตได้ในระดับ 10% สำหรับคำแนะนำการลงทุน แม้ระยะสั้นรายได้จะไม่ดีนัก แต่ในแง่กำไรยังเห็นการเติบโตได้ดี อีกทั้งจากรูปแบบธุรกิจที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ CPALL (BK:CPALL) (BK:CPALL) ทำให้ได้รับผลดีตามการเปิดสาขาใหม่ และใน อนาคตจะที่จะมีการไปเปิดร้านในประเทศกัมพูชาเพิ่ม รวมถึงโอกาสในการขายไปในร้านของ TESCO ที่ทาง CPALL จะเข้าไปซื้อ จะเป็นโอกาสที่ดีในการเติบโตของรายได้ในอนาคต เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เช่นเดิม และประเมินมูลค่า เหมาะสมได้ใหม่ที่ 5.56 บาท ( 2 0XPER’20E)
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th