นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) จะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกในวันนี้ซึ่งจะทำให้ ECB เป็นธนาคารกลางเดียวที่ผ่อนคลายนโยบายทางการเงินในสัปดาห์นี้หลังจากที่ก่อนหน้านี้ธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางแห่งแคนาดา (BoC) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ดังเดิม ตอนนี้นักลงทุนที่น่าจะมีความสุขที่สุดคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเทรดเดอร์ที่ถือคู่สกุลเงิน EUR/USD นี่คือหนึ่งในช่วงเวลาขาขึ้น 7 วันติดต่อกันที่ดีที่สุดของคู่สกุลเงินนี้นับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2013 แต่ก็ต้องมาดูว่าช่วงเวลาแห่งความสุขนี้จะหมดลงหรือไม่จากผลการตัดสินใจของ ECB ในวันนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าทั้งๆ ที่มีความเสี่ยงจะเจอ ECB สกัดช่วงเวลาแห่งความสุขแต่ทำไมนักลงทุนยังมั่นใจดัน EUR/USD ให้ขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องได้? เรามีเหตุผลรองรับอยู่บางประการที่สามารถตอบข้อสงสัยนี้ได้
ประการแรก: มูลค่าของดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างรวดเร็วและมีนัยสำคัญในสัปดาห์นี้เมื่อความเสี่ยงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่สถานการณืฝั่งยุโรปดีขึ้นมาก การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และสกุลเงินยูโรถือว่าอยู่ในแนวโน้มที่ดี
ประการที่สอง: ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของฝั่งยูโรโซนดีขึ้น ตัวเลขดัชนี PMI ของยูโรโซนดีขึ้น อัตราการว่างงานของเยอรมันแม้จะยังสูงอยู่แต่ก็ไม่ได้สูงเกินไปกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ที่สำคัญตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของเดือนเมษายนมีตัวเลขออกมาลดลง
ประการสุดท้าย: ตลาดมีความเชื่ออย่างสูงว่าการเพิ่มวงเงิน QE มูลค่า 500,000 ล้านยูโรจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
สัปดาห์ที่แล้วนางคริสตีน ลาการ์ดประธาน ECB พึ่งออกมาบอกว่า “เราจะใช้ไม้เบากับการจัดการปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้อีกต่อไป” ซึ่งหมายความว่าในปี 2020 เราอาจจะได้เห็นตัวเลข GDP ของกลุ่มยูโรโซนลดลงอยู่ระหว่าง 8-12% นางอิซาเบล ชนาเบลหนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมการที่ปรึกษาจากสภาผู้เชื่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของเยอรมนีพูดอย่างค่อนข้างตรงไปตรงมาว่า ECB พร้อมแล้วที่จะมีการเพิ่มมาตรการบังคับใช้ทางการเงินในขณะที่รองประธาน ECB นายลูอิส เด กินโดสกล่าวว่า ECB จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนมาตรการทางการเงินใหม่ส่วนหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์นายฟิลิป เลนบอกว่าเพราะเศรษฐกิจเจอโควิด-19 จนทำให้เกิดการชะงักอย่างรุนแรงดังนั้น ECB จึงจำเป็นที่จะต้องทำให้มาตรการทางการเงินมีสภาพคล่องให้มากที่สุด การที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันยิ่งทำให้มั่นใจได้ว่าการผ่อนคลายทางการเงินจะมาแน่และความร้อนแรงของขาขึ้นยูโรจะถูกชะลอตัวลง
นอกจากจะเชื่อว่า ECB จะผ่อนคลายมาตรการทางการเงินแล้วนักลงทุนยังเชื่อว่า ECB อาจมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอีกในเดือนกรกฎาคมหรือกันยายน จนถึงตอนนี้ ECB ใช้เงินไปแล้ว 3 ใน 4 ของ 750,000 ล้านยูโรเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในขณะเดียวกันก่อนผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดเกี่ยวกับโควิดในยุโรปลงไปมากแม้ว่าการเปิดยูโรโซนอย่างเต็มรูปแบบยังไม่ใช่เรื่องที่มีการพูดถึงในตอนนี้ หากมีการอนุมัติเงินมากกว่า 500,000 ล้านยูโร ขาขึ้นของกราฟ EUR/USD จะหมดแรงลงและอาจจะทำให้กราฟปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับราคา 1.10 แต่ถ้าการกระตุ้นมีวงเงิน 500,000 ล้านยูโรพอดีและ ECB มองว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2020 และ 2021 ชี้ให้เห็นว่าต้องมีการกระตุ้นฯ เพิ่มเติมในอนาคตหรือประธาน ECB นางคริสตีนลาการ์ดออกมาพูดถึงการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ กราฟ EURUSD จะปรับตัวสูงขึ้นไปยังจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือนได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากังวลก็คือข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจในตารางด้านล่างซึ่งจากที่เห็นเราพบว่ามีข้อมูลที่เป็นไปได้ในเชิงลบมากกว่าเชิงบวก มีเพียงข้อมูลจากดัชนี PMI, ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจแห่งยุโรป (ZEW) และ IFO เท่านั้นที่เป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจยุโรปที่สำคัญ
เป็นไปตามคาดที่เมื่อวานนี้ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) จะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ดังเดิม นี่คือการประชุมของแบงก์ชาติครั้งสุดท้ายของผู้ว่าการสตีเฟ่น โปลอสก่อนที่นายทิฟฟ์ แมคเล็มจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนและการประชุมครั้งสำคัญต่อไปของ BoC จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม การที่ BoC คาดการณ์เศรษฐกิจแคนาดาว่าอาจจะได้รับผลกระทบเชิงลบน้อยลงจากเดิม 15%-40% เหลือ 12%-22% ทำให้กราฟ USD/CAD ลงไปสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 2 เดือนครึ่ง กราฟ NZD/USD ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นแต่ก็ขึ้นมานานพอสมควรแล้วในขณะที่ ออสเตรเลียดอลลาร์ย่อลงมาจากจุดสูงสุดแม้ว่าข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจจะออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ ตัวเลข GDP ของออสเตรเลียลดลง 0.3% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ติดลบ 0.4% ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างลดลงเพียง 1.8% เทียบกับตัวเลขคาดการณ์ -10.7% และดัชนี PMI ภาคการก่อสร้างเพิ่มขึ้นจาก 21.6 เป็น 24.9 ตัวเลขยอดขายปลีกดีขึ้นโดยมีตัวเลขอยู่ที่ -17.7% เทียบกับคาดการณ์ -17.9% และดุลบัญชีการค้าดีขึ้นเป็น 8.80B จากตัวเลขคาดการณ์ที่ 7.50B
สุดท้ายข้อมูลตัวเลขของสกุลเงินดอลลาร์ถือว่าเริ่มสร้างความประหลาดใจไปในทางที่ดีให้กับนักลงทุนแม้ประเทศจะอยู่ท่ามกลางการประท้วงที่เข้าสู่วันที่ 9 แล้วและยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่และอย่างไร แต่ข้อมูลตัวเลขคาดการณ์การจ้างงานนอกภาคการเกษตรจาก ADP (NASDAQ:ADP) และข้อมูลจาก ISM ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ ADP รอบนี้ประเมินว่าตัวเลขการจ้างงานจะลดลงเพียง 2.76 ล้านคนเท่านั้นเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่มองไว้สูงถึง 9 ล้านคน ตัวเลขดัชนี PMI ที่ไม่เกี่ยวกับภาคการผลิตและบริการจาก ISM ในเดือนพฤษภาคมแม้จะยังหดตัวแต่ถือว่าดีขึ้นจาก 41.8 เป็น 45.4 ในรายงานเผยว่าตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้นจาก 30 เป็น 31.8 ภาคส่วนที่ทำตัวเลขได้น่าชื่นใจและยิ่งทำให้นักลงทุนมีหวังขึ้นเรื่อยๆ คือตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและมียอดคำสั่งซื้อใหม่เข้ามา นี่คือสัญญาณบ่งบอกการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เชื่อถือได้อย่างมีนัยสำคัญ