ในวันนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะประกาศตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนไม่รวมอุปกรณ์การขนส่งของสหรัฐ (Core Durable Goods Orders) เดือนเม.ย. (เวลา 19.30น.) โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะหดตัวลง -14% ซึ่งเป็นการหดตัวลงมากกว่าเดือน ม.ค. ปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก ที่หดตัวลงที่ระดับ 5.9% และจะ เป็นการหดตัวลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน
หากตัวเลขที่ประกาศเป็นไปตามทิศทางเดียวกับที่ตลาดคาดการณ์ จะสะท้อนให้เห็นถึง แนวโน้มการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนต่อๆไปที่จะลดลง ซึ่งจะทำให้โรงงานมีระยะเวลาการผลิตและการทำงานที่สั้นลง และจะเริ่มมีการทยอยลดกำลังการผลิตใน อนาคตและลดจำนวนพนักงานเพิ่มมากขึ้น
โดยยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงการลงทุนของภาคเอกชน เมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตได้ภาคเอกชนจะมีการสั่งซื้อเครื่องจักรและเครื่องมือ เพื่อขยายกำลังการผลิต ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่การลดลงอย่างมากของตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในอนาคต จากการลดลงของการลงทุนภาคเอกชน
สถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรป เมื่อคืนนี้คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ได้เปิดเผยรายละเอียดของกองทุนฟื้นฟู วงเงินรวม 7.5 แสนล้านยูโร หรือ 8.265 แสนล้านดอลลาร์ โดยแบ่งออกเป็นเงินให้เปล่าจำนวน 5 แสน ล้านยูโร และวงเงินกู้ 2.5 แสนล้านยูโร เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อการแพร่ระบาดของโค วิด-19 ให้แก่ภาคธุรกิจของชาติสมาชิกใน EU
เช้าวันนี้ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 0.50% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th
ดูปฏิทินเศรษฐกิจ
https://th.investing.com/economic-calendar/