1Q63 หดตัวเป็นไตรมาสที่ 5...ต่ำสุดตั้งแต่ 3Q58 1Q63
กลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี10 บริษัทที่เราศึกษา (ไม่รวมโรงไฟฟ้า) รายงานขาดทุนสุทธิรวม 2.3 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงคาด โดยหดตัวเป็นไตรมาสที่ 5 และขาดทุนครั้งแรกนับตั้งแต่ 3Q58 สาเหตุหลักมาจากกลุ่มโรงกลั่น และปิโตรเคมีที่ขาดทุนหนัก เพราะ
1) สงครามราคาน้ำมัน ทำให้มีขาดทุนสต็อกน้ำมัน 6.3 หมื่นล้านบาท
2) กิจกรรม การเดินทางทั่วโลกลดลงจากผลของมาตรการปิดประเทศ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลงอย่างกระทันหัน
3) ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทอ่อนค่า ส่วนบริษัทที่มีการเติบโต ได้แก่ BANPU (BK:BANPU) GGC IVL ซึ่งมาจากปัจจัย เฉพาะตัว โดย 1) BANPU บันทึกกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมาก 2) GGC (BK:GGC) ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปาล์มที่พุ่งขึ้นและนโยบายน้ำมันดีเซล B10 ของรัฐบาล 3) IVL (BK:IVL) เติบโตจากการเข้าซื้อกิจการ และกำไรจากการต่อรองซื้อกิจการ
2Q63 อุปสงค์น้ำมันยังหดตัว QoQ แต่เดือนเม.ย. จะเป็นจุดต่ำสุด เราคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกใน 2Q63 จะหดตัว QoQ จากผลกระทบมาตรการปิดเมืองอย่างเต็มที่ตั้งแต่ต้นไตรมาส (เดือนเม.ย.)
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาความต้องการใช้น้ำมันรายเดือน เราเห็นการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันเดือนพ.ค. จากกิจกรรมการขับขี่ที่สูงขึ้นหลังรัฐบาลเริ่มทยอยเปิดเมือง รวมทั้งมีตัวเร่งจากพฤติกรรมการเดินทางที่หันมาขับรถยนต์แทนการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ขณะที่อุปทานมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่เดือนพ.ค. จากการ เริ่มปรับลดการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ของ OPEC+ รวมทั้งมี Upside จากการลดปริมาณผลิตแบบสมัครใจของซาอุฯ 1.0 ล้านบาร์เรล/วัน และการปรับลดการผลิตของ Non-OPEC+ (นำโดยสหรัฐฯ) อีก 3.7 ล้านบาร์เรล/วัน
ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการลดปริมาณผลิตแบบไม่มีข้อผูกมัด (Uncommitted) แต่ด้วยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เหลือเพียง 337 แท่น ต่ำสุดตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลปี 2530 ทำให้เชื่อว่าอุปทานน้ำมันจาก Non-OPEC+ จะลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราคาดราคาน้ำมันจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะปริมาณสต็อกน้ำมันทั่วโลกยังสูงกว่า ค่าเฉลี่ย 5 ปีและสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบ ณ ปัจจุบันเป็นสภาวะ Contango ที่ไม่รุนแรงแล้ว
โมเมนตัมกำไรโรงกลั่น-ปิ โตรเคมีเด่นกว่าต้นน้ำ ภายใต้มุมมองอุตสาหกรรมข้างต้น เรามองว่าโมเมนตัมกำไรของอุตสาหกรรมต้นน้ำ (PTT (BK:PTT) PTTEP) จะไม่โดดเด่น เพราะราคาน้ำมันซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักยังอยู่ระดับต่ำ (2QTD ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย US$31/bbl -39% QoQ, -53% YoY)
ทั้งนี้ เรามองว่าผลประกอบการกลุ่มโรงกลั่น-ปิโตรเคมีผ่านจุดที่แย่ที่สุดใน 1Q63 มาแล้ว และคาดกำไรจะฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนจาก
1) ขาดทุนสต็อกน้ำมันจำนวนมากไม่เกิดขึ้นซ้ำ และมีโอกาสบันทึกกำไรสต็อกใน 2H63
2) ได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมัน (Crude premium) และต้นทุนวัตถุดิบ Naphtha ที่ลดลง
3) อุปสงค์น้ำมันสูงขึ้นจากทยอยการเปิดเมืองโดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน เราคงประมาณการกำไรปี2563 ที่1.2แสนล้านบาท (-38% YoY) หดตัว เป็นปี ที่3จากการความผันผวนของการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19และผลขาดทุนสต็อกน้ำมันจำนวนมาก
ชอบ SPRC TOP PTTGC IVL ด้วยกลยุทธ์หาจังหวะลงทุนช่วงหุ้นอ่อนตัว ภาพรวมปีนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายของกลุ่มฯ แต่ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดน่าจะผ่านไปแล้วในช่วงเดือนเม.ย. (ยกเว้นสงครามการค้า และการแพร่ระบาดรอบ 2 เกิดขึ่้นอีกครั้ง) รวมทั้งผลประกอบการของโรงกลั่น-ปิ โตรเคมีน่าจะต่ำที่สุด ใน 1Q63 เราคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” ชอบหุ้นโรงกลั่น และปิโตรเคมีแนะนำ “ซื้อ” SPRC (TP 6.80 บาท), TOP (TP 50.00 บาท), PTTGC (TP 48.00 บาท) และ “เก็งกำไร” IVL (TP 30.00 บาท) อย่างไรก็ตาม 2QTD ราคาหุ้นดังกล่าวปรับขึ้นเฉลี่ย 49% Outperform คู่แข่งในกลุ่มฯ และราคาน้ำมันที่บวก 36% และ 33% ตามลำดับ ถือว่าสะท้อนการฟื้นตัวของกำไรที่เด่นกว่ากลุ่มฯ ไปบ้างแล้ว ราคา ณ ปัจจุบันมีUpside gain ไม่มากนัก กอปรกับ ระยะสั้นอาจได้ Sentiment ลบจากสถานการณ์สงครามการค้าที่เปราะบาง เชิงกลยุทธ์แนะนำนักลงทุนยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน โดยอาจหาจังหวะเข้าลงทุนช่วงหุ้นอ่อนตัว
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities
ไม่อยากพลาดบทความดีๆ อย่าลืมกด "ติดตาม" นะครับ