-สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงซบเซา โดยการระบาดของCOVID-19ได้ทำให้หลายประเทศต่างเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยหนักในไตรมาสแรกของปี
-ติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและผลการประชุม กนง.โดยความหวังแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว หลังการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown อาจช่วยหนุนให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและบอนด์มากขึ้น
-เรามองว่าตลาดยังคงต้องการถือเงินดอลลาร์อยู่ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ และการระบาดของ COVID-19 รอบที่ 2 แม้ว่าค่าเงินฝั่งเอเชีย (Asia FX)
จะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตามภาพเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวได้ดีกว่าฝั่งสหรัฐฯก็ตาม
- กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 31.85-32.35 บาท/ดอลลาร์
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
ฝั่งสหรัฐฯ – ตลาดประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัว เริ่มจากตลาดแรงงานที่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (Initial Jobless Claims)จะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 2.4ล้านราย ขณะเดียวกันดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและการบริการ (Markit Manufacturing and Services PMIs) ในเดือนพฤษภาคมก็ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 38จุด และ32จุด
ฝั่งยุโรป –ตลาดจะเริ่มมีความหวังว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปอาจเริ่มดีขึ้นหลังหลายประเทศจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Lockdownชี้จากดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจเยอรมนี (ZEW Survey) ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 30จุดพร้อมกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและการบริการ (Markit Manufacturingand Services PMIs) ในเดือนพฤษภาคมที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 38จุด และ25.5จุด
ฝั่งเอเชีย – การระบาดของ COVID-19 ในญี่ปุ่นทำให้ตลาดมองว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2020 จะหดตัว 4.5%จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยการบริโภค การส่งออกสินค้าการท่องเที่ยวและการลงทุนภาคเอกชนล้วนซบเซาลงหนัก ส่วนในฝั่งจีนตลาดมองว่ารัฐบาลจีนจะส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุม
สภาประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress)อาทิเพิ่มการขาดดุลงบประมาณเป็น 8% จาก 5% ในปีก่อนหน้าและอาจมีการปรับลดเป้าหมายอัตราการเติบโตเศรษฐกิจลงเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ฝั่งไทย – ตลาดคาดว่า เศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2020 หดตัวถึง 3.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แย่ลงจากที่โตได้ 1.6% ในไตรมาสก่อนหน้า