โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งสหรัฐ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวบวกถึง 7.0% ขณะที่ดัชนี Euro Stoxx 50 ของยุโรปก็ปรับตัวขึ้นตามถึง 4.9% โดยนักลงทุนฝั่งตะวันตก เชื่อว่าวิกฤตไวรัสโคโรนาผ่านจุดที่น่ากลัวที่สุดไปแล้ว เห็นได้จากดัชนี VIX Index หรือดัชนีวัดความกลัวของตลาดก็ปรับตัวลงมาที่ระดับ 45% จากที่เคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราว 85% เมื่อกลางเดือนก่อน
ขณะเดียวกัน ในสัปดาห์นี้ก็มีปัจจัยบวกอย่างการประชุมของผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ (OPEC+) ที่น่าจะมีข้อตกลงร่วมกันในการลดกำลังการผลิตน้ำมันรออยู่ นักลงทุนจึงกล้าลงทุน ซึ่งในทางกลับกัน ภาพดังกล่าวส่งผลให้บอนด์ยีลด์ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยล่าสุด ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีขยับขึ้นมาที่ระดับ 0.68% และบอนด์ยีลด์เยอรมันขยับขึ้นแตะระดับ-0.42%
อย่างไรก็ดีในฝั่งตลาดเงิน ดูจะไม่เห็นการแข็งค่าของดอลลาร์ได้ใกล้เคียงกับการปรับตัวขึ้นของหุ้นสหรัฐ เชื่อว่าส่วนหนึ่งเกิดจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมสกุลเงิน Commodity ดีขึ้นด้วย ขณะเดียวกันนักลงทุนที่ซื้อหุ้นส่วนใหญ่ดูจะเป็นกลุ่มในประเทศเป็นหลักเมื่อทุกที่ปรับตัวบวกขึ้นพร้อมกัน
ฝั่งเงินบาท ยังไม่มีทิศทางชัดเจน แต่ในระยะนี้ก็เคลื่อนไหวเกาะกับสกุลเงินเอเชียที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ขึ้นมาด้วย แต่ก็ไม่ถือว่าเร็วเกินไปและมีแรงซื้อดอลลาร์ของผู้ประกอบการกลุ่มพลังงานอยู่บ้าง อย่างไรก็ดี เรายังคงไม่เห็นสัญญาณซื้อจากนักลงทุนต่างชาติกลับมา วันนี้จึงต้องจับตาภาพตลาดทุนว่าจะเป็นแรงหนุนให้มีเงินทุนไหลหรือไม่เนื่องจากตลาดทุนไทยกลับมาเปิดทำการวันแรกหลังจากที่หุ้นทั่วโลกบวกขึ้นอย่างรวดเร็ว