คำถามยอดฮิตสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นเวลานี้คือ: ตอนนี้เราลงมาถึงจุดต่ำสุด (ก้นเหว) ของราคาแล้วหรือยัง? และคำตอบที่พวกเขามักจะได้รับกลับไปก็คือ “คงมีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้” แต่เท่าที่สติปัญญาของมนุษย์คนนึงจะคิดได้คำตอบก็คงมีเพียง “เราจะพบก้นเหวก็ต่อเมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจบลงหรือไม่ก็เจอยารักษาโรคที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดจำนวนผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับความเร็วในการแพร่ระบาด” จนถึงตอนนี้คำพูดนี้ยังคงเป็นได้แค่ความเพ้อฝันเพราะเรายังไม่เห็นสัญญาณข่าวดีเลยแม้แต่น้อย
นักวิเคราะห์บางคนแย้งว่าการช่วยเหลือของรัฐบาลทั่วโลกที่พึ่งดำเนินการกันไปนี่ละคือจุดต่ำสุดของราคาในตลาดหุ้นแล้วอย่างที่เครดิต สวิสได้กล่าวเอาไว้ว่า
“มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ คือด่านสุดท้ายของการรักษาเศรษฐกิจโลกแล้ว เพราะนักลงทุนรอที่สัญญาณเข้าซื้อครั้งนี้มานานแสนนาน หากว่าใครที่กำลังรอเข้าซื้อในบริเวณก้นเหวแล้วละก็นี่คือโอกาสที่ดี”
ถึงกระนั้นก็ยังมีนักวิเคราะห์อีกฝากหนึ่งที่มองว่าตลาดยังมีความเป็นไปได้ที่จะร่วงลงอีก สัญญาณทางความหายนะก็ได้ออกมาแล้วไม่ว่าจะเป็นตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติกาล ความมั่งคั่งถูกทำลาย สหรัฐฯ กลายเป็นศูนย์กลางแห่งการแพร่ไวรัสแห่งใหม่ด้วยยอดจำนวนผู้ติดเชื้อที่แซงจีนไปแล้ว ก่อนหน้านี้ดัชนีดาวโจนส์ก็ร่วงลงมาหนักที่สุดในรอบ 90 ปี
เพราะไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ถูกต้องที่สุดได้ ดังนั้นเราจึงคิดว่าการหาหุ้นที่มีโอกาสเติบโตได้ในระยะสั้นและยาวน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ตอนนี้ยังไม่สามารถเข้าซื้อได้ก็ไม่เป็นไรเพียงแต่ต้องจับตาดูอยู่ตลอดเพื่อรอให้โอกาสการลงทุนของเรามาถึง
1. Cisco Systems
หากพูดถึงวงการคอมพิวเตอร์หนึ่งในบริษัทชื่อดังที่ทุกคนต้องพูดถึงคนหนีไม่พ้นซิสโก้ (NASDAQ:CSCO) เราพบว่าหุ้นของบริษัทอยู่ในจุดที่ดีหากว่าจะดีดตัวขึ้นหลังจากขาลงตอนนี้จบลง ถึงแม้ว่าวันศุกร์ที่ผ่านหุ้นซิสโก้จะมีราคาปิดอยู่ที่ $38.82 ปรับตัวลดลงมา 2.8% เมื่อเทียบกับตลาด Nasdaq 100 ที่ร่วงลง 10% แต่ด้วยเครือข่ายของบริษัทที่มีกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกจึงทำให้เราเชื่อว่าเมื่อโลกกลับมาเป็นปกติซิสโก้ก็พร้อมที่จะกลับมาทันที
ซิสโก้ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์หลายอย่างแต่ที่รู้จักกันดีคือเร้าเตอร์ (routers) สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เมื่อกระบวนการผลิตอุปกรณ์ต่างๆ มีปัญหาจึงไม่แปลกใจที่เส้นทางการผลิตอุปกรณ์ของซิสโก้ต้องชะลอตัวลงและส่งผลถึงยอดขายด้วย เมื่อยอดขายตกลงราคาหุ้นของบริษัทจึงลดลงตาม
เหตุผลหนึ่งที่เราเชียร์หุ้นซิสโก้เพราะบริษัทยังมีผลิตภัณฑ์ในรูปแบบอื่นที่ช่วงระยะหลังให้ความสำคัญเป็นอย่างมากคือซอฟท์แวร์และแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ เมื่อปี 2019
CEO ของบริษัทนายชัค โรบินพึ่งตัดสินใจซื้อกิจการบริษัท Voicea ซึ่งเก่งกาจในเรื่องการทำซอฟท์แวร์ที่สามารถควบคุมด้วยเสียงแบบเรียลไทม์ และในเดือนมิถุนายนก็ได้ตกลงเซ็นสัญญากับบริษัท Acacia Communications คิดเป็นมูลค่า $260 ล้านเหรียญสหรัฐทำให้ซิสโก้ได้รับชิปคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีที่จะช่วยแปลงสัญญาณที่มองจากตาเปล่ากลายเป็นฐานข้อมูลเพื่อรักษาความปลอดภัยได้
การเดินเกมและการหาพันธมิตรที่เกี่ยวกับข้องกับระบบรักษาความปลอดภัยตามที่ได้กล่าวมานี้ทำให้ซิสโก้ได้รับความไว้วางใจในอเมริกาเป็นอย่างมาก ยอดขายของบริษัทที่สามารถทำได้ก่อนโควิด-19 ระบาดถือว่าอยู่ในระดับที่น่าประทับใจ
นอกจากข้อมูลเหล่านี้การปันผลของหุ้นบริษัทซิสโก้ก็สามารถทำได้อย่างมั่นคงเรื่อยมาและถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับคนที่ต้องการความเติบโตของการปันผลด้วย ปัจจุบันหุ้นซิสโก้สามารถปันผลต่อปีอยู่ที่ 3.55% นักลงทุนจะได้การปันผลต่อหุ้นอยู่ที่ $1.44 คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 14.20% ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา
2. Home Depot
ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดอันชาญฉลาดของบริษัทแม้จะต้องประสบปัญหาวิกฤตไวรัสโคโรนาแต่โฮมดีพอต (NYSE:HD) ก็ยังสามารถเอาตัวรอดมาได้ ด้วยแนวคิดที่ว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องขยายสาขาเพิ่มเพราะสาขาที่มีก็อยู่ใกล้บ่านของชาวอเมริกันเกิน 90% อยู่แล้ว ดังนั้นบริษัทจึงหันไปลงทุนทางด้านเทคโนโลยีและการทำ e-commerce แทน
โฮมดีพอตใช้เงินลงทุนประมาณ $1,100 ล้านเหรียญสหรัฐไปกับการตกแต่งแต่ละสาขาให้มีความทันสมัยมากขึ้น อัปเกรดอุปกรณ์และทางเลือกการซื้อสินค้าออนไลน์ให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย วิกฤตไวรัสโคโรนาครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีให้บริษัทสามารถหยุดการขายผ่านหน้าร้านและสามารถเอาเวลาไปอัปเกรดร้านค้าให้มีประสิทธิภาพและเก่งกาจยิ่งขึ้นไปอีก
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทสามารถยืนอยู่ได้เพราะการกระจายร้านค้าไปยังทั่วทุกพื้นที่ในอเมริกาไม่ใช่อยู่แต่รัฐดังๆ เท่านั้น อ้างอิงข้อมูลจากนักวิเคราะห์ในวอลล์ สตรีทรายงานว่ารายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้างในตอนนี้ยังน้อยกว่าปี 2006 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของรายงานแต่มากกว่าครึ่งแต่รายได้ของโฮมดิพอตกลับสูงขึ้น 30% นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
อัตราการปันผลของหุ้นโฮมดีพอตถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพบว่าหุ้่นโฮมดีพอตมีอัตราการเติบโตในการปันผลอยู่ที่ 380% และยังมีอัตราการจ่ายปันผลต่อเนื่องอยู่ที่ 42% ตัวเลขการปันผลต่อหุ้นของโฮมดีพอตอยู่ที่ 3.07% คิดเป็น $6 ต่อหุ้น มีราคาปิดอยู่ที่ $190.55 ปรับตัวลดลง 12.5% ตลอด 4 สัปดาห์ที่ผ่านมาแต่ก็ยังดีกว่าตลาดหุ้น NYSE Composite ที่ร่วงลงทั้งหมด 18%
โดยสรุปแล้ว
นักลงทุนควรใช้โอกาสในวิกฤตนี้มองหาบริษัทที่ยังมีผลตอบแทนที่ดีท่ามกลางมรสุมไวรัสโคโรนา บริษัทซิสโก้และโฮมดิพอตถือเป็นหุ้น 2 ตัวที่ถูกจัดให้อยู่ในประเภทนั้น เชื่อว่าเมื่อไวรัสโดคโรนาผ่านไปหุ้นทั้งสองตัวนี้จะกลายเป็นที่จับตามองของนักลงทุนแน่นอน หรือถ้าสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายไปมากกว่านี้อีกหุ้นทั้งสองตัวก็จะยิ่งน่าสนใจมากยิ่งขึ้น