รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ระหว่าง Pinterest กับ Snap หุ้นของใครน่าซื้อกว่ากัน?

เผยแพร่ 13/02/2563 12:08
อัพเดท 09/07/2566 17:31

จากการแข่งขันของบริษัทสื่อโซเชียลมีเดียที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในสหรัฐอเมริกา เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่บริษัทเหล่านี้เติบโตแล้วปัญหาที่พวกเขาจะต้องเจอคือปัญหาทางด้านกฏหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนั้นนักลงทุนจึงมักนิยมกระจายพอร์ตลงทุนตัวเองไปลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่มีความสามารถในการหลบเลี่ยงความเสี่ยงทางกฏหมายเหล่านี้

ดังนั้นในบทความนี้เราจึงคัดหุ้นที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกันอย่าง Snap (NYSE:SNAP) และ Pinterest (NYSE:PINS) มาวิเคราะห์ทั้งผลกำไร ความเสี่ยง ผลตอบแทน

1.Snap

แอปพลิเคชันถ่ายรูปพร้อมแชร์ Snapchat ได้รับกระแสตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปี 2019 หลังจากที่ตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ ถึงกระนั้นในสัปดาห์ที่แล้ว Snap ต้องสะดุดเมื่อรายงานตัวเลขยอดขายในไตรมาสที่ 4 ไม่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้

ปีที่แล้วตัวเลขยอดขายของบริษัท Snap กระโดดขึ้น 44% ได้กำไรรวมแล้วทั้งสิ้น $561 ล้านเหรียญสหรัฐแต่ตัวเลขปันผลกำไรต่อหุ้นกลับลดลงจากเดิมที่นักวิเคราะห์มองว่าควรจะปันผลได้ $0.17 แต่กลับปันผลได้เพียง $0.12 ต่อหุ้นเท่านั้น

แม้ว่าตัวเลขปันผลจะไม่น่าประทับใจแต่ Snap ยังคงสามารถเพิ่มตัวเลขจำนวนผู้ใช้งานรายวันของแอปพลิเคชันได้ จากเดิมในไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้วมีตัวเลขจำนวนผู้ใช้งานอยู่ที่ 218 ล้านคนแต่มาในปีนี้กลับมียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอีก 8 ล้านคนคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 3.8% ถ้าเทียบเฉพาะในไตรมาสที่ 4 อย่างเดียวแล้ว Snap มียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นตลอด 4 ปีติดต่อกัน

อย่างไรก็ตามผลงานปรับตัวขึ้น 100% ของหุ้น Snap เมื่อปีที่แล้วทำให้นักลงทุนบางกลุ่มมองว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องทำให้หุ้นปรับตัวลดลงไปปรับฐานบ้าง เมื่อวานนี้หุ้น Snap จึงปรับตัวลดลงจาก $19.03 เหลือ $17.61กราฟรายสัปดาห์ของหุ้น Snap

ถึงบริษัทจะเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดจนทำให้บริษัทมียอดจำนวนผู้ใช้งานและมีกำไรเพิ่มมากขึ้นในปีที่แล้วแต่ความเสี่ยงที่บริษัท Snap จะต้องเจอปัญหาทางกฏหมายก็เป็นอุปสรรคใหญ่ของบริษัทอยู่เช่นกันซึ่งเรามีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหาด้านลิขสิทธิ์ การเข้าถึงข้อมูลลูกค้า การป้องกันข้อมูลรั่วไหล ฯลฯ บางที Snap อาจต้องลองปรึกษาผู้ที่ผ่านน้ำร้อนมาก่อนอย่างเฟสบุ๊ก (NASDAQ:FB) หรือกูเกิ้ล (NASDAQ:GOOG) ดูเพื่อหาทางหนีทีรอด

2.Pinterest

ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันเมื่อแอปพลิเคชันชื่อดัง “Pinterest” สามารถมียอดผู้ใช้งานในแต่ละเดือนรวมแล้วประมาณ 320 ล้านคนทั่วโลก อธิบายโดยสังเขปสำหรับแอปฯ Pinterest คือสถานที่ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานเข้ามา “ปักหมุด (Pin)” ไอเดีย รูปภาพ งานวิดีโอต่างๆ มื้ออาหารค่ำ สูตรการทำอาหาร สถานที่พักผ่อนในวันหยุด ฯลฯ ที่บุคคลนั้นๆ สนใจโดยให้อารมณ์การใช้งานคล้ายกับการปักหมุดข้อความสำคัญบนบอร์ด

Pinterest มีจุดขายและภาพลักษณ์ที่แตกต่างไปจากสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ ตรงที่ไม่ได้พุ่งเป้ามุ่งเน้นมาที่การโฆษณาเพื่อขายของแต่เมื่อผู้ใช้งานสนใจในไอเดียอะไร บุคคลๆ นั้นถึงจะได้เห็นโฆษณาหรือของที่มีความใกล้เคียงกับไอเดียที่ผู้ใช้งานเลือกปักหมุด ผู้ใช้งานจึงสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นมิตรของแอปฯ Pinterest มากกว่า

หลังจากที่บริษัทเริ่มเปิดตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนเมษายนปี 2019 หุ้นของ Pinterest ก็สามารถทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง ภายในปีเดียว Pinterest สามารถทำกำไรได้มากถึง $1,000 ล้านเหรียญสหรัฐและคาดว่าจะสามารถทำกำไรได้ $1,520 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้จากการลงทุนใหม่ที่นำเทคโนโลยีมาพัฒนาโปรแกรมยืนยันการซื้อสินค้าโดยมุ่งเน้นไปที่สินค้าประเภทแฟชั่นและการตกแต่งบ้าน

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในเรื่องของความเร็วในการอัปโหลดวิดีโอประเภทการแต่งหน้าและการทำอาหารเห็นได้ชัดเลยว่าข่าวการลงทุนนี้ทำให้บริษัทมีตัวการเติบโตทั้งตัวเลขจำนวนผู้ใช้งานและผลกำไรเป็นอย่างดี ดูเหมือนว่านักลงทุนจะชอบแนวทางของ Pinterest ณ ขณะนี้จึงทำให้เฉพาะปี 2020 หุ้น Pinterest ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 30% แม้เมื่อวานนี้จะมีราคาปิดอยู่ที่ $24.03 ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุด $36.83 กราฟหุ้นรายสัปดาห์ของ Pinterest

ความเสี่ยงเพียงอย่างเดียวที่ทำให้นักลงทุนยังไม่กล้าตัดสินใจลงทุนกับ Pinterest ตัวเลขขาดทุนที่ถือว่ามหาศาลใช้ได้ นักลงทุนต้องการเห็นความมั่นคงในการทำกำไรของบริษัทเสียก่อนซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะ เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา Pinterest มีตัวเลขขาดทุนอยู่ที่ $1,360 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น $3.24 ต่อหุ้นเมื่อเทียบกับปี 2018 ที่มีตัวเลขขาดทุนอยู่ที่ $63 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 0.50 ต่อหุ้น แม้ตัวเลขกำไรรวมจะเพิ่มขึ้น 51% แต่ตัวเลขขาดทุนก็เพิ่มขึ้น 3 เท่าเป็น $2,530 ล้านเหรียญเช่นเดียวกัน

โดยสรุปแล้ว…

ทั้ง Snap และ Pinterest ต่างมีความเสี่ยงในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป แม้แต่กลุ่มเป้าหมายยังมีความแตกต่าง Snap ต้องการลูกค้าในกลุ่มที่เป็นวัยรุ่นในขณะที่ Pinterest ต้องการลูกค้าในทุกช่วงอายุและความต้องการขายของสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคนซึ่งแตกต่างกันออกไป

ในมุมมองของเรา Snap มีความเสี่ยงมากกว่า Pinterest แม้ว่า Snap ดูมีความมั่นคงทางการเงินมากกว่าแต่เพราะคู่แข่งคนสำคัญของ Snap คือแอปพลิเคชัน Instagram ซึ่งเป็นของยักษ์ใหญ่แห่งวงการโซเชียลมีเดียอย่างเฟสบุ๊ก

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย