บริษัทผู้ให้บริการับชมภาพยนตร์แบบสตรีมมิ่งชื่อดังของโลกอย่างเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) กำลังดีใจกับหุ้นบริษัทที่เติบโตขึ้นอย่างเกินคาดหลังจากตัวเลขผลประกอบการในปี 2019 ไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร
ในช่วง 5 สัปดาห์แรกของปี 2020 หุ้นเน็ตฟลิกซ์ถือว่าทำผลงานได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม “5 เทพหุ้นเทคฯ (FAANGs)” ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทเฟสบุ๊ก (NASDAQ:FB) แอปเปิ้ล (NASDAQ:AAPL) แอมะซอน (NASDAQ:AMZN) เน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) และกูเกิ้ล (NASDAQ:GOOG) (อันที่จริงแล้วบริษัทแม่ชื่ออัลฟาเบท) ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่หุ้นของเน็ตฟลิกซ์ในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้น 13% และมีราคาปิดในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทยอยู่ที่ $369.67
อะไรคือเบื้องหลังแรงขับเคลื่อนหุ้นของบริษัทเน็ตฟลิกซ์ให้อยู่ในเส้นทางกลับขึ้นสู่จุดสูงสุดเดิม $418.97 ได้อีกครั้ง? ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นมาจากการประเมินคู่แข่งทางธุรกิจที่ขอท้าชิงแย่งตำแหน่งราชาภาพยนตร์สตรีมมิ่งใหม่ในปีนี้
หลังจากที่สองบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์สหรัฐฯ อย่างเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX)) และดิสนีย์ (NYSE:DIS) ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดไปแล้ว นักวิเคราะห์มีความเห็นว่ายังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าดิสนีย์จะสามารถเทียบชั้นกับอาณาจักรสตรีมมิ่งของเน็ตฟลิกซ์ได้
รายงานผลประกอบการรอบล่าสุดถือว่ามีความหมายสำหรับเน็ตฟลิกซ์มากเพราะเป็นการรายงานผลประกอบการครั้งแรกที่บริษัทมีคู่แข่งอย่างเป็นทางการเช่น “Disney+” ของดิสนีย์และ “Apple TV+” ของแอปเปิ้ล นอกจากสองรายใหญ่ๆ นี้ยังมี AT&T (NYSE:T) ที่มีแผนจะปล่อย “HBO Max” ในเดือนพฤษภาคมและ Comcast (NASDAQ:CMCSA) NBCUniversal จะเปิดให้บริการ “Peacock” ในวันที่ 15 มิถุนายนปี 2020 นี้
แม้ว่าเน็ตฟลิกซ์จะไม่สามารถมียอดอัตราการเติบโตของผู้สมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าในไตรมาสที่ 3 แต่ตัวเลขยอดผู้สมัครสมาชิกจากพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้น ในไตรมาสที่ 4 เฉพาะผู้สมัครใช้งานภายในประเทศสหรัฐฯ เน็ตฟลิกซ์มียอดผู้สมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น 423,000 คนจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 600,000 คน
ผู้ใช้บริการจากต่างประเทศคือความหวัง
นอกจากจำนวนยอดผู้สมัครสมาชิกในประเทศที่เพิ่มขึ้นแล้วเน็ตฟลิกซ์ยังได้ยอดผู้สมัครที่มาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 8.3 ล้านคนซึ่งมากกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ที่ 7 ล้านคน รวมแล้วทั้งสิ้นเน็ตฟลิกซ์มียอดจำนวนรวมผู้สมัครสมาชิกทั้งโลกอยู่ที่ 167 ล้านคนทั่วโลก ตัวเลขนี้รวมผู้ใช้งานในประเทศ 60.4 ล้านคนแล้วเรียบร้อย
ในขณะที่ดิสนีย์รายงานจำนวนผู้สมัครสมาชิกจากรายงานผลประกอบการเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าบริษัทมีผู้สมัครสมาชิกรวมทั้งสิ้น 28.6 ล้านคนจากการเปิดตัวบริการ Disney+ ซึ่งเกินจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์อยู่ที่ 20 ล้านคน
นักวิเคราะห์บางคนเห็นความมีนัยสำคัญเมื่อเทียบรายงานผลประกอบการของเน็ตฟลิกซ์กับดิสนีย์ นายไมเคิล มอริส นักวิเคราะห์จากกุกเกนไฮม์ได้ยกตัวเลขเป้าหมายการทำกำไรของเน็ตฟลิกซ์ขึ้นจาก $400 ต่อหุ้นขึ้นเป็น $420 ต่อหุ้นโดยอ้างว่าทั้งหมดนี้จะเกิดมาจากยอดผู้สมัครสมาชิกทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น
“เมื่อเปรียบเทียบตัวเลขยอดผู้สมัครสมาชิกของเน็ตฟลิกซ์ทั้งในและนอกประเทศแบบปีต่อปีและเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าพบว่ารายงานทั้งสองทำให้ผมมั่นใจถึงความเป็นไปได้ที่จำนวนผู้สมัครสมาชิกเน็ตฟลิกซ์จะเพิ่มขึ้นอีกในอีกหลายปี จากนี้เน็ตฟลิกซ์ควรจะให้ความสำคัญกับรายการของเด็กและครอบครัวด้วยซึ่ง Disney+ หวังจะใช้เนื้อหาส่วนนี้เป็นข้อได้เปรียบหลักในการแข่งขัน”
นักวิเคราะห์จาก BofA มีความเห็นคล้ายกันโดยได้ยกเป้าหมายการทำกำไรต่อหุ้นของเน็ตฟลิกซ์ขึ้นเป็น $426 “แม้การเจริญรอยตามเน็ตฟลิกซ์ของ Disney+ จะน่ากลัวแต่เมื่อพิจารณาการขยายตัวไปสู่พื้นที่ต่างๆ ของโลกซึ่งดิสนีย์ดูจะยังไม่ให้ความสำคัญเท่าไหร่ทำให้พวกเขาก้าวได้ช้ากว่าเน็ตฟลิกซ์อยู่หลายขุมนัก”
โดยสรุปแล้ว…
แม้เน็ตฟลิกซ์จะไม่เคยมีคู่แข่งทางการค้าเลยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่การมาถึงของคู่แข่งหลายๆ จ้าวจะทำให้มีการแข่งขันเกิดขึ้นในแง่ของการเพิ่มค่าสมาชิกและการแข่งขันของธุรกิจสตรีมมิ่งภายในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้เป้าการเติบโตของผู้ใช้งานในประเทศเติบโตได้ช้าลง
อย่างไรก็ตามเน็ตฟลิกซ์ยังคงได้เปรียบคู่แข่งอยู่มากจากการที่เน็ตฟลิกซ์ยังถือเป็นสตรีมมิ่งสัญชาติอเมริกันเพียงรายเดียวที่ให้บริการสตรีมมิ่งให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก สมาชิกเน็ตฟลิกซ์จากทั่วทุกมุมโลกนี่ละคือกำลังหลักในการต่อกรกับผู้ท้าชิงตำแหน่งราชาแห่งวงการภาพยนตร์สตรีมมิ่ง