หุ้นของเฟสบุ๊ก (NASDAQ:FB) บริษัทเจ้าของสื่อโซเชียลมีเดียระดับโลกกำลังเปลี่ยนทิศทางการวิ่งของราคาหลังจากที่สร้างจุดสูงสุดไว้ที่ $224.20 ในวันที่ 29 มกราคมหลังจากรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 แทนที่จะปรับตัวขึ้นหุ้นของเฟสบุ๊กกลับมีราคาปิดต่ำลงมา 6%
การรายงานผลประกอบการของบริษัทเฟสบุ๊กในไตรมาสที่ 4 ปี 2019 ผลปรากฏว่าบริษัทมีตัวเลขตอบแทนผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.56 และทำกำไรไปได้ทั้งหมด $21,080 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งตัวเลขทั้งสองรายการเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ นอกจากนี้บริษัทยังสร้างกำไรในไตรมาสที่ 4 ได้มากที่สุดตลอดกาลของบริษัทอยู่ที่ $21,100 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากโฆษณาบนอินสตราแกรมและในวิดีโอ โดยรวมแล้วบริษัทเติมโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
ถ้าตัวเลขผลประกอบการก็ดีแล้วทำไมหุ้นเฟสบุ๊กถึงยังปรับตัวลดลงมาได้? คำตอบของคำถามนี้อยู่ในรายละเอียด แม้ตัวเลขกำไรจะสร้างสถิติดีที่สุดตลอดกาลในไตรมาสที่ 4 แต่ตัวเลขการเติบโตทางด้านยอดขายกลับทำสถิติเติบโตช้าที่สุดตลอดกาล แสดงให้เห็นว่าภายในบริษัทไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับหน้าฉากเมื่อบริษัทต้องเผชิญกับปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว ข้อมูลรั่วไหล และปัญหาทางด้านกฏหมายมากมายหลายกรณี
นายเดวิด เวห์เนอร์ CFO ของบริษัทเฟสบุ๊กได้พูดถึงประเด็นนี้ว่าแม้ภาพรวมจะดูดีแต่เราก็ต้องยอมรับความจริงปัญหาที่บริษัทต้องเผชิญด้านกฏหมายก็ยังอยู่ นี่ยังไม่นับกฏหมายความเป็นส่วนตัวในสหภาพยุโรปที่บริษัทจะต้องเจออีก
“บริษัทเชื่อว่าเปอร์เซนต์ในรายงานอัตราการเติบโตทางผลกำไรแบบปีต่อปีในไตรมาสที่ 1 จะต้องลดลงเหลือตัวเลขหลักเดียวเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตในไตรมาสที่ 4 โดยมีสาเหตุมาจากปัญหาทางด้านกฏหมายที่นโยบายของบริษัทไม่สอดคล้องกับกฏหมายในหลายๆ พื้นที่ทั่วโลก”
การลงมาครั้งนี้ใช่จังหวะเข้าซื้อหรือไม่?
หุ้นเฟสบุ๊กเมื่อเช้าวันนี้มีราคาปิดอยู่ที่ $209.53 คิดเป็นการปรับตัวลดลงมา 6% จากจุดสูงสุดที่ราคาทำได้ตอนรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 เป็นต้นมาหุ้นเฟสบุ๊กสามารถปรับตัวขึ้นมาได้มากถึง 60% เพราะในช่วงนั้นเฟสบุ๊กยังสามารถหาผู้ใช้งานรายใหม่ได้จากทั่วทุกมุมโลกอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าจะต้องผ่านกระแสเชิงลบจากสังคม การแทรกแซงทางการเมืองและปัญหาข้อมูลรั่วไหลก็ตาม
การที่ราคาหุ้นเฟสบุ๊กปรับตัวร่วงลงมาทันทีที่สร้างจุดสูงสุดได้ทั้งๆ ที่พึ่งจะมีรายงานผลประกอบการเป็นบวกไปแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุน การร่วงลงมา 6% ครั้งนี้คือโอกาสสำหรับเข้าซื้อหรือเป็นการส่งสัญญาณเตือนว่าแสดงถึงความไม่เจนในการจัดการกับปัญหาของบริษัท?
แม้จะมีข้อมูลที่เป็นลบแต่รายละเอียดส่วนอื่นๆ ก็แสดงให้เห็นว่าเฟสบุ๊กยังสามารถเพิ่มผู้ใช้งานให้เข้ามาสู่โลกของพวกเขาได้อยู่ อ้างอิงจากเฟสบุ๊กรายงานว่าบริษัทมีผู้ใช้งานต่อเดือนอยู่ที่ 2,890 ล้านคน หลังจากที่มีสรุปยอดผู้ใช้งานในช่วงสิ้นปี 2019 วันที่ 31 ธันวาคมว่าสามารถเพิ่มผู้ใช้งานเข้ามาได้จำนวน 2,500 ล้านคนซึ่งเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ 2,490 ล้านคน
นี่คือสาเหตุว่าทำไมยักษ์ใหญ่อย่างเฟสบุ๊กแม้จะต้องเผชิญกับปัญหาทางด้านกฏหมายแต่ตัวเลขจำนวนของผู้ใช้งานและกำไรที่ทำได้จากการโฆษณายังคงแข็งแกร่งและไม่สามารถล้มลงได้
ธนาคารชื่อดังอย่างมอร์แกน สแตนลีย์ได้แนะนำลูกค้าของธนาคารเกี่ยวกับตัวเลขผลประกอบการเฟสบุ๊กในไตรมาสที่ 4 ที่พึ่งออกมาว่า “ถ้าคิดจะซื้อหุ้นเฟสบุ๊กควรซื้อในจังหวะที่บริษัทอ่อนแออย่างที่สุดซึ่งจากตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 จะเห็นได้ว่าบริษัทเฟสบุ๊กยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้ตราบเท่าที่ยังมีคนยอมจ่ายค่าโฆษณาให้กับเฟสบุ๊ก”
โดยสรุปแล้ว…
คำพูดที่เคยมีคนกล่าวว่า “ตัวเลขไม่เคยโกหกใคร” ยังคงใช้ได้ผลกับกรณีของเฟสบุ๊ก รายงานผลประกอบการของเฟสบุ๊กในไตรมาสล่าสุดแสดงให้เห็นว่าบริษัทยังคงสามารถเติบโตไปได้แม้จะต้องเจอกับปัญหาทางด้านกฏหมายเข้ามารุมเร้า ตราบเท่าที่ยังมีคนยอมจ่ายค่าโฆษณาให้กับเฟสบุ๊กแม้ว่าหุ้นของบริษัทต้องปรับตัวลดลงอีกสักกี่ครั้งหุ้นของเฟสบุ๊กก็จะสามารถคืนชีพกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการปรับตัวลงมาครั้งนี้เรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่รอขึ้นรถอยู่