ค่าเงินปอนด์มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นหลังจากที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้กล่าวในช่วงสุดสัปดาห์ ว่าผู้สมัครทุกคนของพรรคอนุรักษ์นิยม (Tory) ได้สนับสนุนข้อตกลง Brexit ของเขา ซึ่งทำให้ตลาดค่าเงินปอนด์ปรับแนวโน้มเป็นตลาดขาขึ้น
ข้อสัญญาที่เขาได้ให้กับผู้นำธุรกิจต่างๆ ในการประชุมวันนี้คือ “พรรคอนุรักษณ์นิยมจะช่วยในเรื่องของ “ความไม่แน่นอนและความสับสน” ที่เกิดขึ้นในข้อตกลงของ Brexit หากพวกเราชนะการเลือกตั้งในเดือนหน้านี้” ซึ่งคำกล่าวนี้ได้สนับสนุนตลาดขาขึ้นของค่าเงินปอนด์ในตลาดฟอเร็กซ์
ราคาของคู่สกุลเงิน GBP/USD ได้ปรับขึ้น 0.45% ปิดใกล้จุดสูงสุด อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวได้ทะลุกรอบแนวต้านขึ้นฟอร์มรูปแบบธง ซึ่งเป็นลักษณะของการไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ฟอร์มรูปแบบธงนั้นหมายความว่าจะมีการหยุดพักหลังจากที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวแบบไดนามิก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้หากนักลงทุนต้องการหยุดพักเพื่อดูทิศทางการตลาด ซึ่งในกรณีนี้มีการเคลื่อนไหว 6% ในหกวัน จากวันที่ 10 - 17 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่โกยกำไรและรอดูท่าทีแนวเคลื่อนไหวของตลาด
นั่นเป็นโอกาสของกลุ่มผู้ซื้อหน้าใหม่เข้ามาในตลาดในระหว่างที่นักลงทุนเดิมหยุดพัก
เหตุการณ์นี้รับประกันเราได้ไหมว่าตลาดจะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ลองดูเหตุผลเหล่านี้เพื่อพิจารณา
-
การฟอร์มตัวของรูปแบบธรงของกราฟแสดงให้เห็นว่าตลาดมีพลังที่จะไต่ระดับขึ้นหลังจากที่อยู่ในแนวรับตั้งแต่เดือนเมษายน 2019
-
เส้น 200 DMA ได้ไต่ระดับเหนือเส้นแนวโน้มขาลงเช่นกัน ซึ่งบ่งบอกราคาในวงกว้างเหนือเส้นที่แสดงถึงแนวโน้มขาลงตั้งแต่ก่อนกลางปีที่แล้ว
-
เส้น 50 DMA ก็ทะยานขึ้นตัดทำจุดตัด Golden กับเส้น 200 DMA
กลยุทธ์การซื้อขาย
นักลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำน่าจะรอให้เกิดการพลิกกลับ 3% จากรูปแบบที่ปิดเหนือจุด 1.3300 เพื่อหลีกเลี่ยงกับดักของตลาดขาขึ้น ซึ่งการคาดการณ์นั้นพอดีกับราคาสูงสุดในเดือนมีนาคมที่นักลงทุนสามารทำกำไรได้ จากนั้นพวกเขาจะรูปแบบของกราฟธงเพื่อพิสูจน์แนวโน้มขาขึ้น
นักลงทุนแบบความเสี่ยงกลางจะรอให้เกิดขาขึ้นเพียง 2% เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ากราฟจะทะลุกรอบแนวต้านเพื่อปิดเหนือจุด 1.3200 หลังจากนั้นพวกเขาจะรอดูความถูกต้องเพื่อการเข้าตลาดที่ดีขึ้นกว่าเดิมโดยที่ไม่จำเป็นต้องลงไปทดสอบแนวรับอีก
นักลงทุนความเสี่ยงสูงอาจจะใช้เวลานานหลังจากที่ราคาปิดเหนือจุด 1.3050 เช่นเดียวกับใช้ฟิลเตอร์ที่ 1% เพื่อลดกับดักของตลาดขาขึ้น หลังจากนั้นก็รอให้เกิดการดึงกลับเพื่อการเข้าตลาดที่ดีกว่า ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรดของแต่ละคน