📊 ดูวิธีการที่นักลงทุนชั้นนำสร้างพอร์ตของพวกเขาค้นหาไอเดียการเทรด

เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นเฟสบุ๊ค?

เผยแพร่ 06/11/2562 15:42
อัพเดท 09/07/2566 17:31

เป็นเวลา 15 เดือนแล้วที่หุ้นบริษัท Facebook (NASDAQ:FB) ไม่ได้ขยับหนีไปจากจุดราคาเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้หุ้นของบริษัทโซเชี่ยลมีเดียยักษ์ใหญ่ได้ขยับเพิ่ม 3.6% และเป็นการสนับสนุนให้ดัชนี S&P 500 ขยับเพิ่ม 8.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน

กราฟรายสัปดาห์ของ Facebook ปี 2018-2019

ราคาปัจจุบันของหุ้นเฟสบุ๊คอยู่ที่ $194 ซึ่งเป็นราคาเดิมตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2018 ซึ่งทำให้สถานการณ์การซื้อขายหุ้นเป็นไปอย่างเนิบๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

แม้ว่าจะมีรายงานผลประกอบการรายไตรมาสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่รายได้รวมเป็นบวกในตลาด ราคาหุ้นของเฟสบุ๊คก็เหมือนว่าจะไม่มีการขยับขึ้นหรือลงแต่อย่างใด ตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายหุ้นแบบสาธารณะตั้งแต่ปี 2012 ราคาหุ้นนั้นมีการเปลี่ยนแปลงทุกๆ 2 ปี ถ้ากิจการนั้นกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ทำไมไม่มีความเคลื่อนไหวในราคาหุ้น?

จริงอยู่ที่ว่าตัวเลขของบริษัทนั้นอยู่ในระดับที่สูง รายได้รวมในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 17.600 ล้านเหรียญ สูงกว่าปีที่แล้ว 29% ทำกำไรต่อหุ้น $2.12 ซึ่งสูงกว่าไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วถึง 20% แม้ว่าราคาหุ้นจะขยับหลังจากรายงานผลประกอบการ กลับกลายเป็นว่า ราคาหุ้นจาก $198 กลับขยับลงมาที่ $193

ปัญหาของเฟสบุ๊คไม่ได้อยู่ที่กำไร แต่อยู่ที่การข่าวสาร ความเชื่อมั่นของนักลงทุนนั้นลดลง หลังจากที่เห็นนโยบายของบริษัทและการกระทำของบริษัท อีกทั้งเหตุการณ์ที่ทำให้เฟสบุ๊คต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากเมื่อต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองพรรค และนี่อาจเป็นสาเหตุที่อาจจะกระทบกับภาพลักษณ์ของบริษัทและราคาหุ้น

การเมือง อคติและการแบนโฆษณา

นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 เฟสบุ๊คได้กลายเป็น “หมาก” ทางการเมืองโดยบังเอิญ หลังจากถูกกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มของโซเชี่ยล มีเดียนั้น เอื้อผลประโยชน์ให้กับประเทศรัสเซีย อีกทั้งพรรคเดโมแครตเชื่อว่าเฟสบุ๊คมีอคติต่อพวกเขาในขณะที่พรรครีพับลิเชื่อว่าพวกเขาถูกเลือกปฏิบัติ

เฟสบุ๊คกำลังติดอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย และแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงเฟสบุ๊คเพียงแห่งเดียวที่โดนข้อกล่าวหานี้ Twitter (NYSE:TWTR) และ Google (NASDAQ:GOOGL) เองก็เช่นเดียวกัน

การพิจารณาคดีในรัฐสภาของสหรัฐฯ ในช่วงเดือนกันยายน ปี 2018 และในเดือนเมษายนในปี 2019 ได้มีการยกเอาประเด็นกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นมาพิจารณา ซึ่งสร้างผลกระทบกับเฟสบุ๊ค และแพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดียอื่นๆ ซึ่งประเด็นนี้ทำเอานักลงทุนต่างกังวล นอกจากนี้ Twitter ได้ออกมาแถลงแล้วว่าจะแบนโฆษณาทางการเมืองออกจากแพลตฟอร์ม ในขณะที่เฟสบุ๊คกล่าวว่า ยังไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการโฆษณาทางการเมืองเกิดขึ้นในแพลตฟอร์มของพวกเขา

การที่เฟสบุ๊คตกอยู่ในสถานการณ์เป็นแบบนี้นับว่าไม่เป็นผลดีต่อยอดขายอย่างแน่นอน

อำนาจที่เพิ่มขึ้นอาจจะต้องพ่วงกับข้อมูลของผู้ใช้ที่มากขึ้น

ถ้าหากว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่กระทบมากพอ เฟสบุ๊คได้ประกาศไอเดียในการเป็นเจ้าของสกุลเงินดิจิตอล ที่เรียกว่า Libra ซึ่งทำให้นักลงทุนเป็นกังวลอีกด้วย

มีการเรียกร้องจากสาธารณะชนและรัฐบาลทั่วโลกเกี่ยวกับการจำกัดอำนาจการเก็บข้อมูลผู้ใช้ นับตั้งแต่มีข่าวในปี 2018 ว่า ข้อมูลของผู้ใช้หลุดไปอยู่ในมือของ Cambridge Analytica ดังนั้นการที่เฟสบุ๊คจะกำเนิดแพลตฟอร์มใหม่ที่เกี่ยวกับการเงินนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นการเดินเกมที่ผิดพลาดขององค์กร

เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐสภาสหรัฐฯ ได้มีการพิจารณาหารือกับ ประธานกรรมการผู้บริหาร มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ในแผนการของโครงการ Libra เมื่อพิจารณาแล้ว รัฐสภาเห็นว่าโครงการนี้จะเป็นการละเมิดข้อตกลงหลายๆ อย่างกับทางธนาคารกลางทั่วโลก และเป็นอุปสรรคต่ออำนาจของรัฐบาลที่จะควบคุมค่าเงินต่างๆ รวมไปถึงความมั่นคงของเศรษฐกิจของสหรัฐฯเอง

ด้วยเหตุผลข้างต้นที่กล่าวมา โครงการเงินดิจิตอลสกุล Libra จึงไม่ได้คลอดออกมา ทำให้บรรดาพันธมิตรใหญ่ยักษ์อย่าง Mastercard (NYSE:MA), Visa (NYSE:V), Stripe and PayPal (NASDAQ:PYPL) ต่างพากันถอนตัว ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีหากเฟสบุ๊คได้ระบุว่าจะปรับปรุงโครงการแทนที่จะปิดโครงการ ซึ่งในทางกลยุทธ์แล้วสิ่งนี้จะเป็นการ PR และส่งผลบวก ขณะเดียวกันก็อาจจะช่วยกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลต่างประเทศต่างผ่อนคลายนโยบายทางการเงินลง

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

แล้วเฟสบุ๊คจะมาสามารถดึงตัวเองออกมาจากวงปัญหาที่เกิดขึ้นและกลับมาทำธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากรัฐบาลและแก้ไขชื่อเสียงของบริษัทได้ไหม คำตอบก็คือ อาจจะเป็นไปได้

แม้ว่าขณะนี้รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพุ่งเป้าจัดการเรื่องกฎระเบียบของโซเชี่ยลมีเดียทั่วไป แต่ดูเหมือนว่าข้อพิจารณาจะพุ่งเป้าไปที่เฟสบุ๊คเพียงเจ้าเดียว ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือกฎระเบียบเหล่านั้นมีความรุนแรงและกระทบกับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน สิ่งนี้จะทำให้เกิดแรงกดดันต่อการสร้างผลกำไรและอาจทำให้การทำธุรกิจในอนาคตมีข้อห้ามมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม โซเชี่ยลมีเดียจะไม่ได้หายไป และเฟสบุ๊คเอง ณ ตอนนี้ ก็ยังเป็นคู่แข่งที่มีข้อได้เปรียบมากที่สุดในตลาดโซเซี่ยลมีเดีย และด้วยความพร้อมที่เหนือกว่าของเฟสบุ๊คที่จะเปลี่ยนแปลง ดังนั้น จึงมีเวลาให้เฟสบุ๊คได้สร้างกำไรบนแพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ด้วยระเบียบที่เข้มงวดเกินไป อาจจะทำให้การแข่งขันลดลงซึ่งจะเป็นการผลักให้ผู้ใช้ เข้าสู่แพลตฟอร์มของเฟสบุ๊คมากขึ้น เป็นการกระตุ้นตลาดหุ้นของบริษัทเอง For proof, this is precisely what happened when Europe’s GDPR regulation was levied against online advertisers in mid-2018.ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่ กฎระเบียบของ GDPR ในยุโรปที่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้ทำโฆษณาออนไลน์เมื่อกลางปี 2018 ซึ่งกฎหมายกลับเอื้อประโยชน์ให้กับทั้งเฟสบุ๊คและ Google (NASDAQ:GOOGL) โดยไม่รู้ตัว

คำถามคือการโต้เถียงจะจบลงเมื่อใด อาจจะเป็นปีหรือนานกว่านั้นถ้าเฟสบุ๊คยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเพื่อตอบคำถามของรัฐสภา

อย่างไรก็ตามยังมีผู้ใช้ใหม่ที่เข้าสู่ระบบเฟสบุ๊คเป็นจำนวนมาก ข้อมูลตอนนี้คือมีผู้ใช้ประมาณ 2.400 ล้านคนต่อเดือน คิดเป็น 31% ของประชากรโลกทั้งหมด แม้ว่าจะมีข่าวประชาสัมพันธ์เชิงลบและการตรวจสอบกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น ในระยะยาวสถิตินี้ยังคงยากที่จะใครจะมาล้ม

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย