โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management
ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 7 ตุลาคม 2019
ปัจจัยสำคัญ 3 ประการที่น่าจะส่งผลให้ ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวขึ้นได้ในสัปดาห์นี้ คือ การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) และความคิดเห็นจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างนาย เจย์ พาวเวลล์ เช้านี้นักลงทุนเกิดความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการเจรจาทางการค้าขึ้นมา เนื่องจากรองประธานาธิบดีจีนกล่าวว่าจะไม่ผ่อนปรนนโยบายด้านอุตสาหกรรมและการอุดหนุนของรัฐ และในวันเดียวกันนั้นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีนก็ออกมากล่าวว่าจีนพร้อมที่จะทำข้อตกลงในเงื่อนไขที่เคยยอมรับไปแล้วบางส่วน อย่างเช่น การซื้อสินค้าทางการเกษตรของสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังจะกำหนดกรอบเวลาสำหรับการเจรจาข้อตกลงในขอบเขตที่กว้างยิ่งขึ้นในปีหน้าไว้ด้วย ส่วนการเปลี่ยนแปลงในเรื่องกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาหรือการอุดหนุนจากรัฐนั้นไม่ได้อยู่ในวาระดังกล่าวแต่อย่างใด
ส่วนทางด้านรัฐบาลของทรัมป์นั้นยังไม่ได้มีการออกมาชี้แจงว่ายอมรับในข้อเสนอดังกล่าวหรือไม่ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้การซื้อขาย USD/JPY ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์น่าจะเอาตัวรอดจากการไต่สวนเพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ ซึ่งก็จะทำให้ตลาดหุ้นขยับตัวสูงขึ้นด้วย ปัญหาสำคัญในตอนนี้คือ สหรัฐฯ จะตอบแทนจีนด้วยการปรับลดอัตราภาษีหรือไม่ ซึ่งหากมีการทำเช่นนั้นจริง USD/JPY และคู่สกุลเงินอื่นๆ ที่เทียบกับเยนญี่ปุ่นทั้งหมดก็จะฟื้นตัวต่อไปได้อีกระยะหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ ความคาดหวัง ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้เริ่มลดน้อยลง แต่หากสหรัฐฯ ไม่ยอมรับการเจรจาสงบศึกจากจีน แล้วยังสร้างภาระเพิ่มเติมหรือปฏิเสธที่จะลดภาษีให้กับจีน ดอลลาร์ ก็จะกลับตัวลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในช่วงที่เรากำลังรอดูปฏิกิริยาจากสหรัฐฯ อยู่นี้ ค่าเงินดอลลาร์ก็จะยังถูกกำหนดด้วยกระแสข่าวจากจีนต่อไปเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่ได้คาดหวังกับความคิดเห็นของ นายพาวเวลล์ ประธานเฟดที่จะเปิดแถลงเร็วๆ นี้มากเท่าใดนัก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้แสดงความชัดเจนในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมด้วยการอธิบายว่าสภาพเศรษฐกิจยังคงแข็งแรงอยู่ แต่ได้กล่าวในบริบทของสงครามการค้าว่าเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น การแสดงความคิดเห็นที่ไม่ค่อยประนีประนอมเช่นนี้น่าจะทำให้ดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นได้อีกค่อนข้างมากเลยทีเดียว นักลงทุนเชื่อว่า โอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้มีอยู่ 70% และหากว่ารายงานการประชุมของเฟดมีการปรับลดตัวเลขที่คาดการณ์ลงอีก USD/JPY ก็น่าจะไปแตะระดับ 108 ได้ เมื่อพิจารณาจากการประชุมครั้งที่แล้วซึ่งมีกรรมการจำนวน 2 คนไม่สนับสนุนให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย รายงานการประชุมก็น่าจะออกมาในทำนองเดียวกัน รายงานตัวเลขเงินเฟ้อที่จะประกาศออกมาให้ทราบในวันพรุ่งนี้ก็คงจะไม่ส่งผลกับราคาได้มากเท่ากับปัจจัยใหญ่ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นได้
ที่จริงแล้ว การยินยอมตกลงในเงื่อนไขทางการค้าบางส่วนดังกล่าวน่าจะผลักให้ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์ สูงขึ้นได้ แต่ปรากฏว่าทั้งสองสกุลแทบจะไม่ขยับ มิหนำซ้ำยังกลายเป็นเงินที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดของวันนี้โดยไปปิดตลาดนิวยอร์คที่ระดับเกือบต่ำสุดของวันเลยทีเดียว เมื่อพิจารณาประกอบกับดัชนีดาว ซึ่งยังไม่หวือหวาแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนยังรอให้ประธานาธิบดีทรัมป์ปรับลดอัตราภาษีลงเพื่อเป็นการตอบแทนจีนอยู่
ข่าวใหญ่อีกข่าวของวันนี้เป็นเรื่องของความพยายามที่จะหาทางออกที่ราบรื่นเกี่ยวกับ Brexit ผู้พิพากษาเพนท์แลนด์ตัดสินว่านายกรัฐมนตรีจอห์นสันจะไม่ถูกบังคับให้ขอขยายเวลาการนำอังกฤษออกจากอียู โดยอ้างว่านายกรัฐมนตรีได้ตกลงที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ “การบังคับคดี” เพื่อบังคับให้รัฐบาลดำเนินการดังกล่าว แต่ทางด้านของนักลงทุนนั้นกลับรู้สึกผิดหวัง เนื่องจากการอาศัยมือของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้น่าจะช่วยแก้ปัญหาความวุ่นวายให้อังกฤษออกจากอียูได้ตามกำหนดวันที่ 31 ตุลาคมนี้ หลังจากนี้ไปก็เหลือเพียงว่านายจอห์นสันจะทำได้อย่างที่รับปากไว้หรือไม่ เขากล่าวว่าหลังจากที่ได้ยื่นข้อเสนอไป ตอนนี้ทุกอย่างจึงอยู่ที่การตัดสินใจของอียูเท่านั้น เมื่อไม่มีการบังคับให้ขอเลื่อนกำหนดการแยกตัวออกจากอียู โอกาสในการที่อังกฤษจะออกจากอียูโดยไร้ข้อตกลงจึงมีสูงกว่า 60%
เงินยูโรยังขยับตัวอยู่ในระยะเพียงไม่กี่ pips จาก 1.10 แม้ว่าจำนวนยอดสั่งซื้อของโรงงานในเยอรมนีจะยังอ่อนค่าลง ส่วนรายงานตัวเลขด้านการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งมีกำหนดจะประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้ก็มีท่าทีว่าจะอ่อนตัวลงเช่นกัน เนื่องจาก EUR/USD เป็นคู่เงินที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นตัวเลขรายงานที่ออกมาย่ำแย่อย่างต่อเนื่องก็จะทำให้สกุลเงินคู่นี้ยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัดอยู่ที่ประมาณ 1.10 ต่อไป