ASF ไม่ใช่เรื่องใหม่ของตลาดหมูโลก มีวิวัฒนาการมาแล้วราว 98 ปี แต่ที่น่ากังวลคือยังไม่มีวัคซีนในการรักษา ทำให้หมูที่ติดเชื้อตาย 100% และคงเลี่ยงไม่ได้ว่ามีโอกาสระบาดมาไทย แต่ไม่ใช่เรื่องควรตระหนก และคาดว่าการแพร่ระบาดจะไม่รุ่นแรงเท่าจีนและเวียดนาม เพราะโครงสร้างการเลี้ยงแตกต่างกัน การเกิด ASF ระบาดในจีนทำให้จีนขาดแคลนหมู ส่งผลให้ราคาหมูในจีนเพิ่มขึ้นกว่า 20% ใน 7 เดือน ราคาหุ้นของบริษัทที่ทำฟาร์มหมูในจีนพุ่งกว่าเท่าตัว ส่วนประเทศผู้ส่งออกหมูมาจีนอย่างสหรัฐฯ, แคนาดา และบราซิลราคาหมูปรับสูงขึ้น 50 – 70% ภายในเวลา 6 – 7เดือน เช่นกัน นอกจากนี้ปริมาณหมูที่ไม่เพียงพอเป็นบวกทางอ้อมต่อการส่งออกไก่ของไทยเป็นบวกต่อ CPF, GFPT และ TFG ส่วน ASF เวียดนามกระทบราคาหมูช่วงสั้น แต่คาดว่าจะฟื้นตัวเด่นช่วงปลาย 3Q62 เป็นบวกต่อ CPF
ASF ไม่ใช่เรื่องใหม่ และจะไม่หายไป ทำได้คือระมัดระวัง
ASF หรืออหิวาต์หมูแอฟริกันพบครั้งแรกในหมูป่าประเทนเคนย่า และแอฟริกาในปี 2464 หรือ 98 ปีมาแล้ว เป็นโรคที่ยังไม่มีวัคซีนในการรักษา แต่ไม่มีอันตรายต่อคนและสัตว์ประเภทอื่นเกิดขึ้นกับหมูเท่านั้น หมูที่ติดเชื้อจะตาย 100% และเกิดขึ้นครั้งแรกในยุโรปเมื่อปี 2503 ความน่ากัวของโรคนี้คือการติดต่อได้ค่อนข้างง่ายเพียงหมูสัมผัสอาหาร ร่างกายมนุษย์ หรือแมลงที่มีเชื้อเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้หมุติดเชื้อและตายทั้งเล้าได้ในเวลารวดเร็ว จึงจำเป็นที่ต้องกำจัดหมูทั้งหมดในบริเวณที่พบเชื้อและรัศมี 3 กม. รอบสถานที่พบเชื้อ ในยุโรปสามารถกำจัดขอบเขตการแพร่ระบายได้เนื่องจากผู้เลี้ยงให้ความร่วมมือในการกำจัดหมู เนื่องจากทางการมีการชดเชยค่าเสียหายในระดับที่จูงใจ ล่าสุดเดือน ส.ค. ปี 2561 พบเชื้อครั้งแรกในจีน และครั้งแรกในเอเชียตะวันออก ด้วยความที่ไม่มีวัคซีนรักษาจึงพบการแพร่ระบาดต่อเนื่องตลอด 98 ปีทีผ่านมา จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ต้องตระหนก แต่ผู้ประกอบการต้องรับมือด้วยการเข้มงวดเรื่องการป้องกันทางชีวิภาพ (Biosecurity) ทั้งบริเวณสถานที่เลี้ยง อุปกรณ์ปศุสัตว์ อาหารสัตว์ ตัวบุคคลและยานพาหนะที่เข้าออกหน้าฟาร์ม รวมถึงภาครัฐฯ ต้องมีมาตรการที่เด็ดขาดต่อการนำเข้าอาหาร และให้การชดเชยจากการทำลายหมูติดเชื้อแกผู้เลี้ยงในระดับที่จูงใจเมื่อพบการระบาดในประเทศ มิฉะนั้นแล้วจะเกิดการปกปิดข้อมูล และมีการลักลอบนำหมูติดเชื้ออกมาจำหน่าย ซึ่งทำให้การแพร่ระบาดไม่สิ้นสุดได้
ASF จีนกระทบ Supply หมูโลก หนุน Demand ไก่
จีนบริโภคหมูมากที่สุดในโลกคิดเป็นสัดส่วนราว 49% ของปริมาณหมูที่มีในโลกหรือราว 55 ล้านตันต่อปี มีการนำเข้าจาก 3 ประเทสหลักคือสหรัฐฯ แคนาดา และบราซิล มีการประเมินว่า ASF ทำให้ปริมาณหมูในจีนลดลงไม่น้อยกว่า 30% หรือราว 16 ล้านตัน หรือ 205 ล้านตัว ขณะที่การส่งออกโดยรวมของทั้งโลกมีหมูปริมาณเพียง 8 ล้านตันต่อปีเท่านั้น หากไม่ส่งออกให้ประเทศอื่นเลยจะชดเชยส่วนที่หายไปในจีนได้เพียง 50% หรือหากพิจารณาที่ประเทศส่งออหลักไปจีนทั้ง 3 ประเทศดังกล่าว มีกำลังการผลิตรวมกันที่ 202 ล้านตัวต่อปี หากทั้ง 3 ประเทศส่งไปจีนทั้งหมดโดยไม่บริโภคในประเทศเลยยังทดแทนหมูที่หายไปของจีนได้ไม่หมด สะท้อนภาวะขาดแคลนหมูในจีนอยู่ในขั้นวิกฤติ ส่งผลให้ราคาหมูในจีน สหรัฐฯ แคนาดา และบราซิลปรับตัวขึ้น 20 – 70% ในช่วง 6 – 7 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นผู้ประกอบการฟาร์มหมูอย่าง Muyuan และ Tech – Bank – Food ปรับตัวขึ้นถึง 100% และ 349% ตามลำดับ ภายในระยะเวลา 7 เดือน หลังนักวิเคราะห์ประเมินว่ามีโอกาสที่ราคาหมูในจีนจะปรับขึ้นได้เท่าตัวภายในปีนี้ ด้วยการระบาดที่ไม่มีใครระบุได้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด และมีโอกาสกลับมาหรือไม่ จึงเป็นการยากที่กำลังการผลิตหมูในจีนจะกลับมาเท่าเดิมเพราะขาดแรงจูงใจในการกลับมาเลี้ยงใหม่ ไก่ซึ่งเป็นเนื้อสัตว์ที่ถูกกว่าและเป็นสินค้าทดแทนกันได้ จึงได้ประโยชน์ทางอ้อมเช่นกัน เป็นบวกต่อ CPF, GFPT และ TFG
ASF เวียดนาม ตามรอยจีน CPF ได้ประโยชน์
จีนและเวียดนามมีโครงสร้างการเลี้ยงในประเทศคล้ายกันกล่าวคือมีสัดส่วนผู้เลี้ยงรายย่อยราว 60 – 70% ของกำลังการผลิตทั้งประเทศ ราคาหมูจะปรับตัวลงในช่วงแรกที่เกิดการระบาดเพราะมีการนำหมูออกจำหน่ายก่อนกำหนด ในระยะยาวเป็นการตัดตอนปริมาณหมูทางอ้อม จีนใช้เวลา 7 เดือนก่อนที่ราคาหมูจะฟื้นตัว และกลับมาสูงกว่าระดับราคาปกติ คาดว่าราคาหมูเวียดนามจะเป็นในรูปแบบเดียวกันกล่าวคืออาจเห็นการฟื้นตัวของราคาหมูเด่นช่วงเดือน ก.ย. ซึ่งผู้ที่มีหมูเหลือรอดจากการติดเชื้อจะได้รับประโยชน์ ส่วนใหญ่มักเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ที่มีระบบป้องกันสูง ซึ่ง CPF เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในเวียดนามจึงได้ประโยชน์โดยตรง รองลงมาเป็น TFG แต่มีกำลังการผลิตเพียงราว 1 แสนตัวต่อปี ขณะที่ CPF สูงถึง 6 ล้านตัวต่อปี นอกจากนี้ CPF อยู่ระหว่างการเข้าลงทุนสัดส่วน 50.1% ในบริษัท Hylife ซึ่งเป็นผู้ส่งออกหมูในแคนาดา จึงได้ประโยชน์จากราคาหมูแคนาดาปีนี้ที่ปรับตัวขึ้นกว่า 50% และการส่งออกไปยังจีน
ASF คืออะไร
โรคอหิวาต์สุกรอัฟริกัน (ASF: African Swine Fever) มีลักษณะคล้ายคลึงกับโรคอหิวาต์สุกร (CSF: Classical Swine Fever) ซึ่ง CFS สาเหตุหลักมาจากเชื้อไวรัสใน Flaviviridae family ในขณะที่ AFS สาเหตุหลักมาจากเชื้อไวรัสใน Asfarviridae family ซึ่งไม่มีวัคซีนในการรักษาโรคได้ อาการของ AFS ที่พบได้ในเบื้องต้น คือ สุกรมีไข้ขึ้นสูง ไม่อยากอาหาร ซึม มีรอยแดงที่หู ท้อง และขา ภาวะหายใจติดขัด อาเจียน บางครั้งอาจมีเลือดออกจากจมูก ทวารหนัก อาการท้องร่วงร่วมด้วย อาจจะตายได้ภายใน 7 วัน หรือ 1- 2วัน ในกรณีที่ติดเชื้อรุนแรง
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities