ดินแดนอาทิตย์อุทัยอาจเป็นความหวังใหม่ของอิหร่านและยังอาจเป็นฝันร้ายของโอเปกในช่วงนี้ได้อีกด้วย
ในขณะที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย และนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกำลังพยายามหว่านล้อมให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียให้ปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีกเพื่อเป็นการรักษาสถานภาพราคาน้ำมันไม่ให้ตกต่ำไปกว่านี้ ในอีกฟากหนึ่ง อิหร่านก็กำลังเตรียมการต้อนรับแขกคนสำคัญเช่นกัน
นายอาเบะเยือนอิหร่านหวังสร้างสัมพันธ์อันดีกับทรัมป์
นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะเดินทางเยือนกรุงเตหะรานในวันพุธถึงวันศุกร์นี้เพื่อที่จะเจรจากับประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ก่อนที่จะเข้าพบนายอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการเยือนอิหร่านครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นนับตั้งแต่มีการปฏิวัติอิสลามในปี 1979 การเดินทางเยือนอิหร่านของนายอาเบะในครั้งนี้ยังถือเป็นประวัติศาสตร์สำคัญแม้จะไม่เกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ ก็ตาม
นายจาลาล เซดาเชียน ซึ่งเป็นอดีตนักการทูตอิหร่านได้แสดงความคิดเห็นใน บทสัมภาษณ์ กับเว็บไซต์ทางการทูตของอิหร่านเกี่ยวกับการเยือนของนายอาเบะในครั้งนี้ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการร่างข้อตกลงนิวเคลียร์ครั้งใหม่ซึ่งจะเป็นการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลของนายรูฮานีกับรัฐบาลของทรัมป์อีกครั้ง
นายเซดาเชียนกล่าวว่า
“อิรัก คูเวต โอมาน สวิตเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่นไม่ได้พยายามที่จะเปิดโต๊ะเจรจาระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ เหมือนกับในยุคของประธานาธิบดีโอบามา”
ซึ่งเป็นการกล่าวถึงข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) ที่ประธานาธิบดีโอบามาได้ลงนามไว้กับอิหร่าน ซึ่งต่อมาประธานาธิบดีทรัมป์ก็ได้ฉีกทิ้งไปหลังจากที่เข้ารับตำแหน่ง โดยเรียกว่าเป็น "ข้อตกลงแบบทางเดียวที่น่ากลัวมากและไม่ควรมีการทำสัญญาเช่นนี้เลย"
นอกจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว ประเทศอื่นๆ ที่นายเซดาเชียนกล่าวถึงก็เคยพยายามช่วยเหลือเพื่อแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ เช่นกัน แต่ความสัมพันธ์ของสองประเทศก็เดินทางมาถึงจุดที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 4 ทศวรรษหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยกเลิก ข้อตกลงนิวเคลียร์ที่นายโอบามาทำไว้ในเดือนพฤษภาคม 2018 มิหนำซ้ำยังใช้มาตรการคว่ำบาตรกับการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ในขณะเดียวกัน นายไฮโค มาส รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของเยอรมนี ก็เดินทางมายังอิหร่านเพื่อกอบกู้ข้อตกลงนิวเคลียร์เดิมในปี 2015 อยู่เช่นกัน
นายเซดาเชียนกล่าวว่า นายอาเบะพยายามที่จะลดผลจากวิกฤติสหรัฐฯ และอิหร่านที่กระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลกในขณะนี้ ความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมืองที่ยังคงระอุอยู่ในตะวันออกกลางเนื่องจากสหรัฐฯ ยังคงตรึงกำลังทหารอยู่ในบริเวณอ่าวเปอร์เซียเพื่อเตรียมการโจมตีอิหร่าน โดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐเชื่อว่ากองกำลังปฏิวัติของอิหร่านเป็นผู้ก่อวินาศกรรมกับเรือบรรทุกน้ำมัน 4 ลำในอ่าวเปอร์เซียช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งอิหร่านยังคงให้การปฏิเสธ
ในระหว่างที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านยังคงส่งผลกระทบกับทั่วโลก ปัญหาที่ตามมาอีกอย่างก็คือปัญหาด้านราคาน้ำมันซึ่งอาจปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้เนื่องจากการปะทะกันของสองประเทศนี้
ปริมาณการส่งออกน้ำมันของอิหร่านเพียงประเทศเดียวลดลง 1 ล้านบาร์เรลอันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ นอกจากนี้รัฐบาลของทรัมป์ยังใช้มาตรการคว่ำบาตรกับน้ำมันดิบที่ส่งออกจากเวเนซุเอลาด้วยเช่นกัน เพื่อกดดันให้มีการเปลี่ยนผู้นำของเวเนซุเอลา การกระทำดังกล่าวส่งผลดีกับโอเปก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้นำของซาอุดิอาระเบียที่ต้องการให้รัสเซียปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อกระตุ้นให้ราคาน้ำมันในช่วงต้นปีจนถึงเดือนเมษายนสูงขึ้นได้อีก 40% หลังจากที่ราคาตกต่ำอย่างหนักในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2018 อย่างไรก็ตามราคาที่ปรับขึ้นมาในช่วงนี้เริ่มชะลอตัวและซาอุดิอาระเบียจึงต้องการความช่วยเหลือจากรัสเซียให้ยังคงลดอัตราการผลิตน้ำมันลงต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้
แต่ไม่ว่ารัสเซียจะตัดสินใจอย่างไรในการประชุมโอเปกครั้งต่อไปใน 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ โอกาสที่จะเกิดการเจรจาทางด้านข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านก็มีอยู่สูงมาก
ตลาดน้ำมันยังอาจเป็นขาลงต่อไปได้ หากมีการเจรจาดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างยากลำบากของอิหร่านซึ่งเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตรของทรัมป์ ประกอบกับการที่ทรัมป์ต้องการประกาศชัยชนะในข้อตกลงให้ได้สักอย่าง หลังจากที่ไม่สามารถแก้ปัญหาสงครามทางการค้ากับจีนได้
ทรัมป์ไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมากจนเกินไป
เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทรัมป์ต้องการเจรจากับอิหร่านก็เพราะไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นอย่างที่เคยเกิดขึ้นในเดือนเมษายน เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการหาเสียงเลือกตั้งในปีหน้าได้ สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าขึ้นแตะจุดสูงสุดของปี 2019 เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยราคา น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสของสหรัฐฯ ขึ้นไปแตะ $66.60 ต่อบาร์เรล และราคา น้ำมันดิบเบรนท์ ขึ้นไปอยู่ที่ $75.60 ทรัมป์ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนมาโดยตลอดว่าเขาไม่ต้องการให้โอเปกดำเนินนโยบายการจัดการราคาน้ำมันโดยการปรับลดปริมาณการผลิต
มีการคาดการณ์เพิ่มเติมว่าทรัมป์อาจมีแนวโน้มที่จะปิดดีลกับอิหร่านได้ จากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนกรุงโตเกียวเมื่อไม่นานมานี้และนายอาเบะได้เสนอตัวเพื่อช่วยแก้ไขวิกฤติให้ ทรัมป์ยังได้แนะนำในครั้งนั้นด้วยว่าอิหร่านน่าจะต้องการเจรจาด้วย แต่รัฐบาลของรูฮานีไม่เอาด้วย
การเยือนอิหร่านของนายอาเบะในครั้งนี้อาจเปลี่ยนใจพวกเขาได้
จากบทสัมภาษณ์ในเว็บไซต์ทางการทูตทำให้นายเซดาเชียนทราบดีว่าบทบาทของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นน่าจะไม่ได้มีความสำคัญมากมายในฐานะตัวแทนของทรัมป์
นายเซดาเชียนกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าจุดยืนของทำเนียบขาวจะยังไม่น่าเชื่อถือ” แต่การปรากฏตัวของนายอาเบะนั้น “อาจส่งสัญญาณด้านบวกที่ทำให้บรรยากาศดูดีขึ้น และอาจทำให้ภาวะความตึงเครียดผ่อนคลายลงได้”
นายอับบัส อารัคชี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ และนายโมฮัมเหม็ด ฮุสเซน ฟาร์ฮันกี สมาชิกสภานิติบัญญัติของอิหร่านได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ NHK ว่า
"ญี่ปุ่นน่าจะสามารถช่วยให้อเมริกาเข้าใจสถานการณ์ในขณะนี้ได้ดีขึ้น"
นายฟาร์ฮันกีเสริมด้วยว่า
“หากพิจารณาจากท่าทีของสหรัฐฯ ที่ดูผ่อนคลายลงในช่วงนี้ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นน่าจะสามารถช่วยสื่อสารไปยังสหรัฐฯ ได้ เพราะสหรัฐฯ เองคือฝ่ายที่ต้องลงมือทำในสิ่งที่ถูกต้อง”