(BK:TOP)
คาด 2Q63 พลิกกลับมาเป็นกำไร แต่ยังอ่อนแอ บริษัทรายงานผลประกอบการ 2Q63 พลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,480 ล้านบาท อยู่ในกรอบที่ เราคาด ส่วนหนึ่งเป็นผลของการรับรู้ Stock loss ที่ลดลงจาก 1Q63 ที่รับรู้ Stock loss มากถึง 10,772 ล้านบาท ขณะที่ 2Q63 ลดลงเหลือ 1,899 ล้านบาท หลังราคาน้ำมันดิบในช่วง 2Q63 กลับมาฟื้นตัว นอกจากนี้ บริษัทยังมีการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มากถึง 2,045 ล้านบาท พลิกจาก 1Q63 ที่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 2,338 ล้านบาท ตามทิศทางของค่าเงินบาทที่ แข็งค่าขึ้น ขณะที่ต้นทุนการกลั่นเฉลี่ยยังคงทรงตัว QoQ อยู่ที่ 2.5 เหรียญต่อบาร์เรล (ค่าใช้จ่ายใน การดำเนินงานอยู่ที่ 1.8 เหรียญต่อบาร์เรล และดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 0.7 เหรียญต่อบาร์เรล)
ค่าการกลั่นฟื้นตัว แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่Spread Margin ของผลิตภัณฑ์หลักที่อ่อนแอ การดำเนินงานปกติพลิกกลับมาเป็นกำไร เป็นผลมาจาก (1) ธุรกิจการกลั่น บริษัทรายงาน Market GRM อยู่ที่ 1.4 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 1Q63 ที่ 0.1 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ลดลงเทื่อเทียบ กับ 2.6 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วง 2Q62 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Crude Premium ที่ลดลง (สัดส่วน การใช้ Crude จาก Middle East อยู่ที่ 56% เพิ่มขึ้นจาก 45% ใน 1Q63) อย่างมากจากผลของ การทำสงครามราคา ในช่วงต้น 2Q63 เพียงพอชดเชยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์หลังที่ปรับลดลง ขณะที่บริษัทมีอัตราการกลั่นลดลงเหลือ 98%
ขณะที่ส่วนของโรงกลั่นมีผล Stock Loss จำนวน 1,404 ล้านบาท โดยมีการบันทึกกลับรายการมูลค่า Stock ของน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป (NRV) จ านวน 2,469 ล้านบาท (2) ธุรกิจอะโรเมติกส์ ยังคงได้รับผลกระทบจาก Spread Margin ของ ผลิตภัณฑ์หลักที่อ่อนแอ เป็นผลมาจาก Demand ที่ปรับลดลงจากผลของการแพร่ระบาดของโค วิด-19 ทำให้บริษัทรายงาน Product-to-feed Margin อยู่ที่ 77 เหรียญต่อตัน ลดลง 9%QoQ ขณะที่อัตราการใช้กำลังผลิตลดลงเหลือ 75% จาก 81% ในช่วง 1Q63 และ (3) ธุรกิจนำมันหล่อลื่น ได้รับผลกระทบจากราคาผลิตภัณฑ์ (500SN) ที่ปรับลดลง จากผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมไปถึงกำลังผลิตใหม่ของน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน กลุ่ม 2 และ 3 ในจีน เริ่มผลิต ทำให้บริษัทรายงาน Product-to-feed Margin อยู่ที่ 24 เหรียญต่อ ตัน ลดลง 72%QoQ ขณะที่อัตราการใช้กำลังผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 89% จาก 81% ในช่วง 1Q63
แนวโน้ม 3Q63 ยังอ่อนแอ หลัง Crude Premium ปรับเพิ่ม Spread ปิโตรเคมีลดลง แนวโน้มผลประกอบการ 3Q63 ยังมีแนวโน้มอ่อนแอ ผลประกอบการยังถูกกดันจาก (1) Crude Premium (ต้นทุนกลั่น) ที่เพิ่มขึ้น โดยน้ำมัน Murban Crude Premium ในช่วง 3Q63QTD อยู่ที่ 1.38 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ นจาก 2Q63 ที่ Premium ติดลบ 4.72 เหรียญต่อบาร์เรล และ (2) ส่วนต่างราคาพาราไซลีนและเบนซีน ในช่วง 3Q63ลดลง 31.5%QoQ และ 56.1%QoQ ตามลำดับ แม้จะพอมีปัจจัยบวกจาก ค่าการกลั่นในผลิตภัณฑ์หลักกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะน้ำมันเบนซินและ น้ำมันเครื่องบิน อีกทั้งบริษัทมีการนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางจำนวนมาก ทำให้ในช่วงต้น 3Q63 จะยังไม่ได้รับผลกระทบจาก Premium ที่ปรับเพิ่มขึ้น และโอกาสรับรู้กำไรจาก NRV และ Stock gain แต่เราเชื่อว่าจะไม่เพียงพอชดเชยผลกระทบจากปัจจัยลบข้างต้น
ยังคง Underweight หุ้นในกลุ่มโรงกลั่น เรายังคงประมาณการเงินปันผลปี 2563 ไว้ที่ 0.75 บาท แต่มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะยังไม่จ่ายเงิน ปันผลระหว่างกาล เนื่องจากผลประกอบการ 6M63 ขาดทุนสุทธิมากถึง 11,274 ล้านบาท อย่างไร ก็ตามการฟื้นตัวของกำไรจากการดำเนินงานปกติ ในช่วง 6M63 ยังมีความไม่แน่นอน จากความผัน ผวนของค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี ทำให้เรายังคง Underweight หุ้นในกลุ่มโรงกลั่น
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities