กำไร 2Q63 ลดลง 13.2%YoY หลังเร่งสำรองสูงรองรับ NPL ที่เพิ่มขึ้น (BK:KTC) รายงานกำไรสุทธิช่วง 2Q63จำนวน 1,149 ลบ. ลดลง 13.2%YoY แย่กว่าที่เราและตลาดคาด โดยมี แรงกดดันหลักจากค่าใช้จ่ายตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นกว่า 33%YoY จนทำให้ Credit Cost เพิ่มขึ้นเป็น 10.1% สูงกว่า 2Q62 ที่8.2% หลัง NPL ของพอร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 6.7% จาก 1.2% (ผลของมาตรฐานบัญชีใหม่) และ 4% ในช่วง 1Q63จากรายได้และกำลังซื้อของลูกหนี้ที่หายไปมากในช่วง Lock Down รวมทั้งมีการตั้งสำรองพิเศษ (Management Overlay) เพิ่มขึ้นอีกราว 550 ลบ.
ขณะที่ในแง่ของการดำเนินงานปกติ บริษัทยังสามารถรักษาระดับ PPOP ให้โตได้ 9.5%YoY สอดคล้องกับขนาดของพอร์ตสินเชื่อที่โต 8.3%YoY (สินเชื่อบัตรเครดิตโต 7.2%YoY และสินเชื่อส่วนบุคคลโต 10.1%YoY) และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 21.5%YoY จน Cost to Income Ratio ลดลงเหลือ 29.8% จาก 37.2% ในช่วง 2Q62 ช่วยชดเชย รายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง 10.8%YoY จากรายได้หนี้สูญรับคืนที่น้อยลงและค่าธรรมเนียมร้านค้าที่ลดลง ตามยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เบาบางลง ทำให้ช่วง 1H63 KTC มีกำไรสุทธิ2,790 ลบ. ลดลง4.2%YoY
ลดประมาณการกำไรสะท้อนการตั้งสำรองและผลของเพดานดอกเบี้ยใหม่ กำไรสุทธิช่วง 2Q63 คิดเป็น 47.6% ของประมาณการทั้งปี แต่ด้วยการตั้งสำรองในช่วง 2Q63 ที่สูงกว่าคาด และรายได้ค่าธรรมเนียมที่น้อยกว่าคาด รวมถึงผลดำเนินงานในช่วง 2H63 ที่จะถูกกดดันจาก Asset Yield จะเริ่มปรับลง หลัง ธปท. ออกมาตรการลดเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิตลงจาก 18% เหลือ 16% และสินเชื่อส่วนบุคคลจาก 28% เหลือ 25% (มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป)
เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2563 ของ KTC ลงอีกราว 8.6% ทั้งนี้เราคาดกำไรช่วง 2Q63 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีก่อนที่จะค่อยๆ ฟื้นตัว ดีขึ้น QoQ ตั้งแต่ช่วง 3Q63 เป็นต้นไป หลังเริ่มมีสัญญาณบวกจากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ปรับตัวได้ดีในเดือน มิ.ย. ที่เริ่มปลด Lock Down ทำให้คาดหนุนยอดสินเชื่อรวมของบริษัทให้ปรับตัวขึ้นต่อได้ ขณะที่การตั้งสำรองจะเริ่มผ่อนคลายลงเนื่องจากเร่งตั้งสำรองไปมากแล้วในช่วง 1H63 เราจึงคาดกำไรทั้งปี 2563 ของ KTC จะอยู่ที่ 5,363 ลบ. ลดลง2.9%YoY
ผลดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัว...ราคาหุ้นกลับมาอยใูนระดับที่ไม่แพง แม้ผลประกอบการช่วง 2Q63 ออกมาไม่สดใสคาดกดดันราคาหุ้นในระยะสั้น แต่เรามองว่าแนวโน้มใน อนาคตจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่เริ่มฟื้นตัวหลังปลด Lock Down อีกทั้งคาดการตั้งสำรองจะเริ่มผ่อนคลายลง นอกจากนี้การที่ธปท. ลดเพดานดอกเบี้ยผลิตภัณฑ์เดิมของ KTC ลง จะ กระตุ้นให้ KTC ต้องเร่ง Scale Up ธุรกิจ KTC พี่เบิ้มเร็วขึ้นเพื่อรักษาระดับ NIM ในระยะยาว คาดจะมี ความชัดเจนของแผนธุรกิจใหม่ในช่วง 3Q63 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมีUpside ราว 15.6% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2563 ที่37 บาท (วิธี GGM) เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities