June: คาดการณ์ SET Index เดือนมิถุนายนแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1240-1420 จุด โดยที่มาของระดับแนวรับแนวต้านนั้นอิงระดับกรณี Bearish และ Bullish ของเราตามวิธี PE Model ซึ่งเทียบเท่า Forward PE ที่ระดับ 14.6x และ 16.8x ตามลำดับ และประมาณการ EPS ปีหน้าล่าสุดที่ระดับ 84.5 บาท ในเชิงกลยุทธ์ จากการที่ดัชนีในปัจจุบันอยู่ในช่วงกึ่งกลางของกรอบที่เราให้ไว้จึงแนะนำให้น้ำหนัก ‘เป็นกลาง’ กับตลาดหุ้นไทย และ Selective play เป็นหุ้นรายตัวต่อไป
Picks: ในเดือนมิถุนายนนี้
แนะนำโฟกัสการลงทุนไปยังกลุ่มที่ปลอดภัยจากปัจจัยภายนอก ซึ่งได้แก่
1) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้แก่ BGRIM, GPSC, GULF, RATCH, EGCO
2) กลุ่มสื่อสาร ได้แก่ ADVANC, INTUCH
3) กลุ่ม Mass transit ได้แก่ BEM, BTS
4) กลุ่มเกษตรและอาหาร ได้แก่ CPF สำหรับหุ้นขนาดใหญ่ และ TFG,
GFPT, ASIAN, CFRESH, CHOTI, APURE, SUN, RBF, XO,
MALEE สำหรับหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
5) กลุ่มธุรกิจ AMC ได้แก่ JMT
Risks: นอกเหนือจากปัจจัย Valuation ของตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในระดับสูงแล้ว มองปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่สำคัญในเดือนนี้ยังคงได้แก่ ความบาดหมางระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดมีประเด็นขึ้นอีกหลังปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยกเลิกสถานะพิเศษของฮ่องกงและตัดความสัมพันธ์กับ WHO แนะนำจับตาค่ากลางเงินหยวนอย่างใกล้ชิด หากยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดี เนื่องจากมีโอกาสที่สหรัฐฯจะกลับมาขึ้นบัญชีดำกับจีนในฐานะเข้าข่ายประเทศบิดเบือนค่าเงิน และออกมาตรการตอบโต้ทางการค้าต่างๆได้
Supports: มองปัจจัยประคับประคองตลาดหุ้นไทยที่สำคัญยังคงได้แก่ 3 ปัจจัยเดิม ได้แก่
1)แรงขายหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติที่ไม่มีอิทธิพลใดๆต่อดัชนี
2) มาตรการ Uptick rule ของตลท.ที่ทำให้มูลค่า Short sales หายไปวันละ 4-5 พันล้านบาท (แนะนำติดตามการประกาศของตลท.ในเดือนนี้ว่าจะมีการต่ออายุมาตรการหรือ
ไม่)
และ 3) การเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดของนักลงทุนทั่วไปที่มากขึ้นจากสภาพคล่องที่เอ่อล้นและความต้องการอยากเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
Local liquidity: เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธปท.รายงานตัวเลขการเติบโตของปริมาณเงิน (M2) ณ เดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่าเติบโตสูงถึง 9.1% ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงที่สุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา(รูปที่ 1) ทั้งนี้ หากอิงการศึกษาของเราในอดีตพบว่า ระดับการเติบโตของ M2 นี้มักมักมีความสัมพันธ์ในทางเดียวกันกับระดับ Participation ของนักลงทุน
Retail ในตลาดหุ้นไทย (รูปที่ 2) ซึ่งมักเป็นดัชนีชี้นำต่อไปยังการปรับตัว Outperform ของหุ้นขนาดกลาง-เล็กในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ เราคาดว่าในช่วงถัดไป หุ้นขนาดกลาง-เล็กจะสามารถปรับตัวOutperform หุ้นขนาดใหญ่ต่อไปได้
SET 50/ SET 100: ส่วนประเด็นที่น่าสนใจในเดือนนี้ ได้แก่
การประกาศรายชื่อหุ้นที่จะนำเข้า-ออก SET50 และ SET100 ที่จะมีผลในเดือน ก.ค. เป็นต้นไป คาดว่าหุ้นที่จะนำเข้าคำนวณในดัชนี SET 50 คือ TTW, BBP ส่วนหุ้นที่น่าจะถูกถอดคือ WHA, BANPU
สำหรับ SET100 หุ้นที่คาดว่าจะนำเข้าคำนวณคือ ACE, TVO, WHAUP, DOHOME, SIRI,RBF, SISB ส่วนหุ้นที่น่าจะถูกถอดออกคือ MBK, THG, THAI, ERW,STPI, BGC, และ PSL
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities
ดูกราฟความเคลื่อนไหวดัชนี SETINDEX