Changpeng Zhao CEO ของ Binance เปิดเผยการเดินทางของกระดานเทรดตั้งแต่เริ่มต้นจนไปสู่จุดสูงสุดกับ Forbes โดยในการสัมภาษณ์ล่าสุด CEO ของกระดานเทรด cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดของโลกตั้งข้อสังเกตว่าในปี 2560 Coinbase (NASDAQ:COIN) และ Kraken ควบคุมตลาดจำนวนมากในสหรัฐฯ ในขณะที่ Poloniex และ Bittrex ครองโวลุ่มการซื้อขายจำนวนมาก แต่ CZ ให้ความเห็นว่า ณ เวลานั้น ไม่มีการแลกเปลี่ยนใดที่ตอบสนองความต้องการของผู้ชมทั่วโลก ดังนั้นเขาจึงดำเนินการสร้างกระดานเทรดในฝันที่จะต้องเป็นที่ต้องการของโลกขึ้นมา “เราได้สนับสนุนภาษาบนแพลตฟอร์มากกว่า 31 ภาษาในวันที่เราเปิดตัวและอีก 9 ภาษาภายในหนึ่งเดือน” นอกเหนือจากการเสนอหลายภาษาและแสดงรายการโทเคนจำนวนมากแล้ว Binance ยังเป็นผู้บุกเบิกการซื้อขายแบบเต็มหน้าจอซึ่งขณะนี้ได้รับการยอมรับจากกระดานเทรดอื่น ๆ อีกด้วย ทั้งนี้ด้วยเทคโนโลยีบนกระดานเทรดมากมายทำให้มีโวลุ่มซื้อขายมากที่สุดสำหรับตลาดสปอตและตลาดฟิวเจอร์ส นอกจากนี้ยังถือเป็นตลาดซื้อขายแบบ peer-to-peer ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยสิทธิพิเศษเพิ่มเติมจาก crypto escrow “โดยส่วนใหญ่แล้ว เราใหญ่กว่าผู้เล่นที่ใหญ่เป็นอันดับสองถึง 10 เท่า นอกจากนี้เรายังมีการซื้อขายแบบ fiat-to-crypto ที่ใหญ่ที่สุดที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก ซึ่งเรากำลังสนับสนุน 50 สกุลเงิน fiat ทั่วโลกที่ไม่มีใครเข้ามาทำ” CZ บอกกับ Forbes ว่า Binance เป็นเจ้าของ Trust Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงิน crypto ที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุด และเป็นเจ้าของเว็บไซต์ CoinMarketCap ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในตลาด crypto พร้อมทั้งในตอนนี้เขากำลังระบบ NFT บน Binance ที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เคียงกับตลาด NFT ชื่อดังอย่าง OpenSea รวมถึง Binance Smart Chain ที่ตอนนี้มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 80% ในตลาด DeFi ด้วยจำนวนผู้ใช้รายวันที่เพิ่มขึ้น Binance ยังดำเนินการเรื่อง “กฎข้อบังคับ” Binance ยังคงตกเป็นเป้าหมายของผู้กำกับดูแล และตามที่คาดไว้กระดานเทรดนี้กำลังประสบปัญหากับหน่วยงานกำกับดูแลจากสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเยอรมนี เมื่อต้องตอบคำถามเกี่ยวกับความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาด้านกฎระเบียบ ทั้งนี้
กดอ่านข่าว CEO ของ Binance ขิงใหญ่ กล่าวกระดานเทรดของตนเองนั้นใหญ่กว่าคู่แข่งอันดับ 2 ถึง 10 เท่า ต่อที่ Siam Blockchain