Investing.com - ราคาน้ำมันขยับลงเล็กน้อยในตลาดเอเชียวันนี้และเตรียมขาดทุนรายสัปดาห์ เนื่องจากความคาดหวังว่าเหตุการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะคลี่คลาย ขณะที่ความสนใจยังคงมุ่งไปที่การประชุม OPEC+ ที่กำลังจะมาถึง
ราคาน้ำมันดิบถูกกดดันจากการประกาศการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน แม้ว่ายังไม่ชัดเจนว่าข้อตกลงการหยุดยิงนี้จะคงอยู่ได้นานเพียงใด
ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังการโจมตีครั้งใหญ่ในกรุงเคียฟก็มีแรงหนุนแค่เพียงเล็กน้อยต่อราคาน้ำมันดิบ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายโดยรวมยังคงจำกัดเนื่องจากวันหยุดวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯ
ราคา น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนมกราคมขยับลง 0.1% มาเป็น 73.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ทรงตัวอยู่ที่ 69.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 09:20 น. (GMT+7)
จับตาการประชุม OPEC+ หาสัญญาณเกี่ยวกับการผลิต
องค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร รวมถึงรัสเซีย (OPEC+) มีกำหนดการณ์จะจัดการประชุมในสัปดาห์หน้า โดยรายงานระบุว่าการประชุมถูกเลื่อนจากวันที่ 1 ธันวาคม ไปเป็นวันที่ 5 ธันวาคม และคาดว่าจะจัดในรูปแบบออนไลน์
รายงานอื่น ๆ ยังชี้ว่า OPEC+ มีแนวโน้มที่จะเลื่อนแผนเพิ่มการผลิตออกไปอีกในที่ประชุมเดือนธันวาคม ท่ามกลางราคาน้ำมันที่ยังคงอ่อนแอ
ความต้องการน้ำมันที่ชะลอตัวในจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดก็เป็นประเด็นสำคัญที่ OPEC+ กังวล โดยกลุ่มได้ปรับลดแนวโน้มความต้องการน้ำมันสำหรับปีหน้าลงอย่างต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันเตรียมขาดทุนรายสัปดาห์จากข้อตกลงการหยุดยิงในอิสราเอล
ราคา น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส และน้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์สลดลงประมาณ 3% ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนปรับลดค่าพรีเมี่ยมความเสี่ยงจากความขัดแย้ง หลังอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ตอบตกลงในข้อตกลงการหยุดยิง
ข้อตกลงการหยุดยิงดังกล่าวยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง แม้ว่าอิสราเอลจะยังคงโจมตีในกาซาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ได้กล่าวหากันและกันว่าละเมิดข้อตกลงการหยุดยิงเมื่อวันพฤหัสบดี ทำให้เกิดความสงสัยว่าข้อตกลงจะคงอยู่ได้นานเพียงใด
ข้อตกลงหยุดยิงนี้มีสหรัฐฯ และฝรั่งเศสที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย โดยรัฐบาลไบเดนยังถูกมองว่ากำลังกดดันให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงในกาซาก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม
ในขณะเดียวกัน ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนก็ยังคงสูงขึ้น หลังรัสเซียโจมตีเป้าหมายที่สำคัญในยูเครน โดยเน้นไปที่โครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ