โดย Ambar Warrick
Investing.com - ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ร่วงลงในวันจันทร์เนื่องจากความเห็นที่แข็งกร้าวของเฟด สวนทางกับการมองโลกในแง่บวกของนักลงทุนที่ว่าเฟดจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่หุ้นจีนย่อตัว คืนกำไรก่อนหน้า เนื่องจากผู้ป่วยโควิด19 ที่เพิ่มขึ้นในประเทศได้ส่งผลกระทบ
ดัชนีหุ้นบลูชิพของจีน CSI 300 เพิ่มขึ้น 0.2% ในขณะที่ดัชนี เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ร่วงลง 0.2% โดยดัชนีทั้งสองซื้อขายต่ำกว่าระดับสูงสุดระหว่างวัน เนื่องจากประเทศกำลังเผชิญกับการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 6 เดือน
ซึ่งส่วนใหญ่ถูกชดเชยด้วยการมองโลกในแง่ดีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ที่ประกาศโดยรัฐบาล รวมถึงการคลายมาตรการบางอย่างภายใต้นโยบายปลอดโควิดที่เข้มงวดของจีน อย่างไรก็ตาม หุ้นอสังหาฯ ที่ประสบปัญหากลับพุ่งขึ้นจากความคาดหวังที่รัฐบาลจะผ่อนปรนมากขึ้น
ตลาดจีนปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในวันศุกร์ หลังจากที่รัฐบาลได้คลายมาตรการกักกันและการเคลื่อนไหวบางอย่างภายใต้นโยบายปลอดโควิด ซึ่งถือเป็นครั้งแรก
แต่เนื่องจากประเทศกำลังเผชิญกับการติดเชื้อในเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โอกาสในการผ่อนคลายอย่างเต็มที่จึงลดลง
ดัชนี {{179|ฮั่งเส็ง} ของฮ่องกงทำผลงานดีที่สุดในเอเชีย โดยเพิ่มขึ้น 2% และเพิ่มขึ้นมากกว่า 7% จากสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่รัฐบาลท้องถิ่นได้ลดมาตรการควบคุมที่เกี่ยวข้องกับโควิด
ดัชนี Taiwan Weighted เพิ่มขึ้น 1.2%
หุ้นเอเชียในวงกว้างลดลงจากการเพิ่มขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ในวันจันทร์หลังจาก คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ เตือนว่าในขณะที่ธนาคารกลางกำลังพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มีขนาดเล็กลงอยู่นั้น แต่ก็ไม่มีแผนที่จะลดจุดยืนเรื่องควบคุมเงินเฟ้อ
ความคิดเห็นของวอลเลอร์เป็นไปตามข้อมูลจากสัปดาห์ที่แล้วซึ่งแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนตุลาคม แต่เนื่องจากการอ่านค่ายังคงสูงกว่าเป้าหมายประจำปีที่ 2% ของเฟด ธนาคารกลางจึงคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยขึ้นในระยะสั้น
ตลาดกำลังกำหนดราคาใน โอกาสเกือบ 81% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุดพื้นฐานในเดือนธันวาคม
อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นถือคือตัวถ่วงราคาที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นเอเชียในปีนี้ เนื่องจากผลตอบแทนที่สูงขึ้นทำให้หุ้นดูน่าสนใจน้อยลง และจากคำเตือนของเฟดเตือนเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าแรงกดดันต่อตลาดในภูมิภาคจึงจะยังคงมีอยู่
ดัชนี นิคเคอิ 225 ของญี่ปุ่นลดลง 0.9% ในขณะที่ดัชนี Nifty 50 ของอินเดียทรงตัว หุ้นออสเตรเลีย ก็ลดลง 0.2% โดยหุ้นธนาคารรายใหญ่ส่งผลลบต่อดัชนีหุ้นออสเตรเลียมากที่สุด