โดย Yasin Ebrahim
Investing.com – ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเมื่อวันอังคาร แม้จะเป็นเดือนที่มีความผันผวนแต่ก็สามารถทำกำไรได้บ้างเนื่องจากภาคผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่งในช่วงเวลาที่เฟดกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่จะเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 0.7% หรือ 222 จุด Nasdaq ร่วงลง 0.41% และ S&P 500 ลดลง 0.63%
Amazon.com (NASDAQ:AMZN) เป็นผู้นำของกลุ่ม โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 4% แม้ว่า Jefferies จะลดกำไรของบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่เป็น 3,250 ดอลลาร์จาก 3,700 ดอลลาร์โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในด้านเศรษฐกิจไม่ได้ลดลงอย่างที่คาดไว้
ตัวเลข ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ของ Conference Board ลดลงมาอยู่ที่ 106.4 ในเดือนพฤษภาคม จาก 108.6 ในเดือนเมษายน ทุบสถิติที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 103.9
หุ้นผู้บริโภคที่อ่อนไหวต่อจีน ซึ่งรวมถึง Nike (NYSE:NKE) และ Starbucks (NASDAQ:SBUX) ก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเซี่ยงไฮ้ยกเลิกการล็อคดาวน์เมืองจากโควิด19 ที่กินระยะเวลานานถึง 2 เดือน
ในขณะเดียวกันหุ้น Tech ก็จบลงที่ระดับต่ำสุดของวันท่ามกลางการเคลื่อนไหวที่หลากหลายกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ตามแรงกดดันจากการไต่ระดับขึ้นขตราสารต่าง ๆ
Alphabet (NASDAQ:GOOGL) และ Apple (NASDAQ:AAPL)ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ Microsoft (NASDAQ:MSFT) และ Facebook (NASDAQ: FB) สิ้นสุดเซสชันในแดนลบ
ราคาพลังงานปรับตัวลดลงหลังจากราคาน้ำมันร่วงลงจากรายงานที่ระบุว่าสมาชิกโอเปกบางคนกำลังพิจารณาระงับการมีส่วนร่วมของรัสเซียในข้อตกลงการผลิตน้ำมัน นี่อาจเป็นการปูทางให้สมาชิกโอเปกคนอื่น ๆ รวมทั้งซาอุดิอาระเบียเพิ่มผลผลิต
ข่าวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ผลผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียคาดว่าจะลดลงหลังจากที่สหภาพยุโรปตกลงที่จะห้ามการนำเข้าน้ำมันของรัสเซีย
ในข่าวอื่น ๆ หุ้น AMC Entertainment (NYSE:AMC) ร่วงน้อยกว่า 1% หลังจากยอมขาดทุน แม้ว่าจะมีสัญญาณว่าความต้องการภาพยนตร์จะกลับมาอีกครั้งหลังจากทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศสุดสัปดาห์โดย “Top Gun: Maverick”
สิ้นสุดเดือนพฤษภาคมด้วยแรงบวกสำหรับตลาดอื่น ๆ ซึ่งตามมาด้วยความน่าผิดหวังของรายได้ประจำไตรมาสจากผู้ค้าปลีกเมื่อต้นเดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงกดดันผู้บริโภคระดับล่างและทำให้เกิดความกลัวว่าแผนของเฟดที่จะชะลอการเติบโตอาจทำให้เศรษฐกิจถดถอย
แต่บางคนในวอลล์สตรีทแนะนำว่าในขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะชะลอตัว แต่การเดิมพันในภาวะถดถอยจะพิสูจน์ถึงการซื้อที่มากเกินไป
"เราเชื่อว่าความกลัวว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงในปีนี้จะพิสูจน์ถึงการซื้อที่มากเกินไป เว้นแต่จะเกิดผลกระทบด้านลบใหม่ ๆ" Goldman Sachs กล่าวในหมายเหตุเมื่อต้นสัปดาห์นี้