Investing.com – หุ้นสหรัฐฯ ทรุดลงอย่างหนักที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดยังคงมีความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
การแห่เทขายหุ้นในสหรัฐฯ ตามมาหลังจากแรงดิ่งของยุโรป โดยดัชนีของเยอรมนี สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศสต่างก็ทรุดตัวลงเกือบ 3% ซึ่งความรุนแรงของขาลงครั้งนี้ได้เพิ่มความคาดหวังว่าเฟดจะต้องลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้
ดัชนี S&P 500 ขยับลง 1.79% ดัชนี Dow ปรับลง 1.86% และดัชนี Nasdaq Composite ติดลบ 1.56% ส่วนดัชนี Nasdaq 100 ที่เน้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่นั้นก็ปรับลง 1.74%
ดัชนี Dow ดิ่งลงไปต่ำสุดถึง 598 จุด ก่อนที่ผู้ลงทุนที่รอซื้อในระดับราคาต่ำจะเข้ามาทำให้ดัชนีเด้งกลับขึ้นมาติดลบเหลือเพียง 400 จุด แล้วกลับมาแห่เทขายกันอีกครั้งจนท้ายที่สุดดัชนีปิดลบเกือบ 500 จุด ส่วนดัชนี S&P และ Dow ก็ติดลบเกือบ 3% ภายในระยะเวลาสองวัน โดย Nasdaq ดิ่งลงถึง 2.7%
หุ้นสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบมาตลอดจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังดำเนินอยู่ในขณะนี้ และเศรษฐกิจโลกโดยรวมที่ชะลอตัวโดยเฉพาะเศรษฐกิจยุโรป ทั้งสงครามการค้าและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจล้วนเริ่มส่งผลกระทบต่อการผลิตในประเทศและหุ้นการเงิน ซึ่งปัญหานี้เริ่มเห็นได้ชัดขึ้นตั้งแต่ระดับที่สูงสุดของตลาดเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม
ดัชนี S&P 500 ขณะนี้ติดลบลงมาจากระดับสูงสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 4.64% โดยดัชนี Dow ติดลบมาแล้ว 4.8% และ Nasdaq ติดลบ 6.65% แม้ว่าหุ้นสหรัฐฯ เมื่อเทียบรายปียังคงบวกขึ้น แต่แรงบวกของหุ้นสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่งพลิกฟื้นขึ้นมาจากขาลงครั้งใหญ่ในไตรมาสที่สี่ของปีก่อนหน้านี้