โดย Dhirendra Tripathi
Investing.com - หุ้นร่วงจากการซื้อขายที่ผันผวนในวันจันทร์ โดยตลาดได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของจีนก่อขึ้น
บริษัท China Evergrande อาจพลาดการชำระหนี้ในปลายสัปดาห์นี้ และนั่นจะทำให้เกิดความกังวลว่าวิกฤตินี้อาจแผ่ซ่านไปทั่วตลาดโลก เช่นเดียวกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่อื่น ๆ ในอดีต
แต่ในสหรัฐอเมริกา มีความกังวลในหลายด้าน รวมถึงการเผชิญหน้ากันในสภาคองเกรสเกี่ยวกับเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง พร้อมกับการประชุมนโยบายสองวันของธนาคารกลางสหรัฐที่จะเริ่มตั้งแต่วันอังคาร
ดัชนีดาวโจนส์ ดิ่งลงมากกว่า 900 จุด และ S&P 500 และ ดัชนี NASDAQ ก็ร่วงลงอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
หุ้นในเดือนกันยายนมีแนวโน้มที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก โดยดัชนีดาวโจนส์ทำผลงานแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยได้รับแรงกดดันจากความกลัวว่าสภาคองเกรสจะขึ้นภาษีนิติบุคคล เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ต่างพยายามต่อสู้กับแรงกดดันจากราคานำเข้าที่สูงขึ้น
นักลงทุนกำลังรอฟังสิ่งที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐจะพูดในวันพุธหลังประชุมเสร็จสิ้น โดยคาดว่าธนาคารกลางจะอภิปรายเกี่ยวกับระยะเวลาของการลดการซื้อพันธบัตรรายเดือน แม้ว่าการประกาศจริงอาจไม่ถึงเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม
ต่อไปนี้คือ 3 ปัจจัยที่นักลงทุนควรจับตา:
1. รายได้จากซอฟต์แวร์
Adobe Systems Incorporated (NASDAQ: ADBE) จะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่สามในวันอังคารนี้ บริษัทคาดว่าจะประกาศกำไรต่อหุ้น 3.01 ดอลลาร์จากรายรับ 3.9 พันล้านดอลลาร์
2. อัพเดทการจัดส่งสินค้า
FedEx Corporation (NYSE: FDX) บริษัทลอจิสติกส์ที่ได้รับผลประโยชน์จากกิจกรรมการขนส่งที่เพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ มีรายได้ 21.9 พันล้านดอลลาร์และกำไรต่อหุ้น 4.94 ดอลลาร์ในไตรมาสแรก แต่คนส่วนใหญ่จะฟังการอัปเดตและกิจกรรมทางธุรกิจโดยทั่วไปของบริษัทในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
3. ชิ้นส่วนรถยนต์
ผู้จำหน่ายชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริม AutoZone Inc (NYSE: AZO ) เผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาสที่สี่อยู่ที่ 29.71 ดอลลาร์ และรายรับ 4.57 พันล้านดอลลาร์ ยอดขายรถยนต์พุ่งสูงขึ้นในช่วงการแพร่ระบาด เนื่องจากผู้คนซื้อรถยนต์มือสองมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ขาดแคลนชิป ทำให้การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าช้าออกไป