โดย Yasin Ebrahim
Investing.com – ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับทรงตัวเมื่อคืนนี้ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐยังคงมาตรการนโยบายการเงินเดิมเอาไว้และส่งสัญญาณว่า จะเริ่มติดตามความคืบหน้าสู่เกณฑ์ที่จะเริ่มลดการซื้อพันธบัตรรายเดือนในการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น
ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.02% ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 0.4% หรือ 128 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.70%
ในการแถลงข่าวหลังจากการประชุมนโยบายการเงิน เจอโรม พาวเวลล์กล่าวว่า ตลาดแรงงานต้องมีการชดเชยให้มากขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ความคืบหน้าที่สำคัญในการลดการซื้อพันธบัตร
นอกจากนี้ ประธานเฟดยังคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจของผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา "เราไม่มีความรู้สึกที่แน่ชัดว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยลงจากการแพร่ระบาดของโควิด”
นอกเหนือจากนโยบายการเงินแล้ว หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ ซึ่งไม่รวม Apple ต่างก็มีราคาปิดสูงขึ้น หลังจากนักลงทุนรับทราบผลประกอบการรายไตรมาสจากหุ้นกลุ่มนี้ รวมถึง Alphabet
หุ้น Alphabet (NASDAQ:GOOGL) เพิ่มขึ้นมากกว่า 3% หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาสเป็นบวก นำโดยรายได้จากโฆษณาที่เพิ่มขึ้น 69% ในไตรมาสที่สอง และรายรับจาก YouTube ที่เพิ่มขึ้น 83% จากปีที่แล้ว
หุ้น Microsoft (NASDAQ:MSFT) ทรงตัว แม้ว่าผลประกอบการไตรมาสสองจะเกินความคาดหมายและประมาณการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้น Apple (NASDAQ:AAPL) ลดลง 1% เนื่องจากผลประกอบการรายไตรมาสที่เหนือความคาดหมายถูกบดบังด้วยคำเตือนว่า ปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกจะก่อให้เกิดปัญหาในการผลิตที่มากขึ้นในช่วงไตรมาสปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน Boeing (NYSE:BA) รายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่น่าประหลาดใจ เนื่องจากการฟื้นตัวของธุรกิจการเดินทางทางอากาศเพิ่มสูงขึ้น โดยผู้ผลิตเครื่องบินรายนี้รายงานผลกำไร 40 เซนต์ต่อหุ้น ผิดจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขาดทุน 83 เซนต์ต่อหุ้น
หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและสาธารณูปโภค ซึ่งถูกมองว่าให้ผลตอบแทนมั่นคงเหมือนพันธบัตร เนื่องจากมีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ เป็นกลุ่มที่ร่วงลงมากที่สุดเมื่อวานนี้ เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น ทำให้อุปสงค์ในหุ้นกลุ่มนี้ลดน้อยลง