Investing.com - ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. อัตราเงินเฟ้อ รายจ่ายผู้บริโภค และดัชนีภาคการผลิต
ตัวเลขล่าสุดเกี่ยวกับสภาพของผู้บริโภคสหรัฐฯ และราคาผู้บริโภคจะมีกำหนดการรายงานในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT) โดยตัวเลขเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถประเมินได้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะชะลอตัวน้อยลงหรือไม่
ดัชนีราคาพื้นฐาน PCE ประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งคำนวณจากรายจ่ายโดยไม่รวมสินค้าอาหารและพลังงาน คาดว่าจะขยายตัวขึ้น 0.3% จากเดือนก่อน แต่ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จะอยู่ที่ 1.6% ดังเดิม
ส่วน รายได้ส่วนบุคคล ประจำเดือนกรกฎาคมคาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 0.3% จากเดือนที่แล้ว 0.4% ขณะที่ รายจ่ายส่วนบุคคล คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.5% จากก่อนหน้านี้ 0.3%
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อประจำชิคาโก (PMI) มีกำหนดการรายงานในเวลา 9:45 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก
อ้างอิงจากผลคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ คาดว่า ดัชนี PMI ประจำเดือนสิงหาคม จะปรับขึ้น 48.1
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็จะเป็นที่น่าจับตาด้วยเช่นกัน
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขสุดท้ายประจำเดือนสิงหาคมจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะประกาศออกมาในเวลา 10:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก คาดว่าจะเท่ากับ 92.1 เหมือนกับตัวเลขแรก
2. จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน
วันนี้ผู้ลงทุนจะได้ทราบจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันล่าสุด ภายหลังจากสัปดาห์ที่แล้วกำลังการผลิตน้ำมันสหรัฐฯ พุ่งขึ้นทำสถิติที่ 12.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน ที่ยังมีการใช้งานในสหรัฐฯ ของสัปดาห์ที่แล้วลดลงไป 16 แท่น เหลือ 754 แท่น
ทางด้านราคาน้ำมันก็กำลังมุ่งหน้าเพื่อปิดบวกให้กับสัปดาห์นี้ เนื่องจากสัญญาณการตึงตัวของอุปทานน้ำมันทั่วโลกได้ช่วยผ่อนคลายความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันที่ส่อแววชะลอตัวลง อันเป็นผลกระทบมาจากเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา นอกจากนี้แรงกระตุ้นในการซื้อขายน้ำมันก็ได้รับแรงหนุนจากข่าวดีด้านสถานการณ์ทางการค้า เพราะล่าสุดจีนได้ออกมาพูดว่าอาจร่วมมือกันกับสหรัฐฯ จึงทำให้เกิดความคาดหวังว่าอาจมีการประชุมระหว่างสหรัฐฯ และจีนในเดือนหน้าก็เป็นได้
3. Campbell Soup เตรียมรายงานผลประกอบการ
Campbell Soup (NYSE:CPB) จะรายงานผลประกอบการก่อนเปิดตลาดในวันนี้ ภายหลังจากเมื่อวานนี้บริษัทได้ว่าจ้าง Mick Beekhuizen เพื่อสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าทางการเงินแทน Anthony DiSilvestro
คาดว่า Campbell Soup จะ ทำกำไร ได้ 41 เซนต์ต่อหุ้น และคาดว่าจะมีรายได้ 1.98 พันล้านเหรียญสหรัฐ