โดย Liz Moyer
Investing.com - ตลาดนิ่งเงียบ เนื่องจากทุกคนรอฟังความเห็นของเฟด เกี่ยวกับสถานะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ดัชนีได้ปรับตัวขึ้นเพื่อทำสถิติสูงสุดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากการเปิดตัววัคซีนที่แข็งแกร่งและการเปิดการค้าอีกครั้งเอาชนะความกลัวว่าอัตราเงินเฟ้อจะตกอยู่ในสภาวะอันตราย
แต่เฟดให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวของตลาดแรงงานมากขึ้น เนื่องจากรายงานการประชุมจากการประชุมนโยบายเมื่อเดือนที่แล้วแสดงให้เห็นในวันพุธ เฟดกล่าวว่าตลาดอยู่ในพื้นที่สีเขียว แต่เศรษฐกิจยังคงต้องการความช่วยเหลือ
ในการประชุมเมื่อเดือนที่แล้ว FOMC กำหนดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0 ถึง 0.25% และสัญญาว่าจะรักษาการซื้อพันธบัตรให้อยู่ที่ 120,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน
แม้ว่าข้อมูลงานจะแสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานกำลังฟื้นตัว แต่ก็ยังมีช่องว่างให้ต้องปรับปรุงอีกมาก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียกร้องการว่างงานจะออกในวันพฤหัสบดี
และนี่คือ 3 ปัจจัยที่ต้องจับตาสำหรับนักลงทุน
1. ใครยังโดนทิ้งไว้ข้างหลัง?
หลังจากการรายงานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนนี้ความสนใจหันไปหาผู้ที่ยังถูกทิ้งไว้เบื้องหลังจากการเปิดตัวเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยแผนโครงสร้างพื้นฐานของเขาได้รับแรงกดดันจากพรรครีพับลิกัน เนื่องจากการใช้จ่ายไม่เพียงพอกับโครงสร้างพื้นฐานที่แท้จริง ครึ่งหนึ่งของแพคเกจมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์จะนำไปใช้ในการสร้างบรอดแบนด์การปรับโครงสร้างการผลิตการฟื้นฟูโรงเรียนและโครงการอื่น ๆ
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก สำหรับสัปดาห์ที่แล้วคาดว่าจะอยู่ที่ 680,000 รายจาก 719,000 รายในสัปดาห์ก่อน การเรียกร้องสวัสดิการ ต่อเนื่อง คาดว่าจะอยู่ที่ 3.65 ล้านคนลดลงจาก 3.79 ล้านคนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลออกมาเวลา 8.30 น. ET (1230 GMT)
2. การกลับมาอีกครั้งของโควิด-19 ในประเทศไทย
โควิด-19 ในประเทศไทยกลับมาระบาดอีกครั้ง หลังมีรายงานว่าคณะรัฐมนตรีได้รับเชื้อจากคลัสเตอร์สถานบันเทิง รวมถึงดาราหลายคนอย่างแสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข และ ปีโป้ ณัชพัณณ์ ประกาศแจ้งข่าวแก่บรรดาแฟนคลับว่าผลตรวจเป็นบวก
สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลต่อนักลงทุน โดยนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันที่จะคุมสถานการณ์โดยไม่ประกาศการล็อคดาวน์ อย่างไรก็ตาม SET วานนี้ปิดลบ 23.10 มาอยู่ที่ 1,556.56
3. ธนาคารกับฟินเทค
Plaid มีการประเมินมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าเพียงไม่กี่เดือน หลังจากทำข้อตกลงกับ Visa Inc Class A (NYSE: V) ซึ่งเป็นสัญญาณอีกประการหนึ่งของการคุกคามของฟินเทคสำหรับธนาคารขนาดใหญ่ บริษัทประกาศรอบการระดมทุน 425 ล้านดอลลาร์ในวันพุธ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้เป็น 13.4 พันล้านดอลลาร์ Robinhood ฟินเทคอีกรายกำลังเตรียมการเสนอขายต่อสาธารณะในขณะที่ผู้เล่นตัวหลักในแวดวงการเงินอย่าง Square Inc (NYSE: SQ) และ PayPal Holdings Inc (NASDAQ: PYPL) ได้รับประโยชน์ในการทำธุรกรรม
JPMorgan Chase & Co (NYSE: JPM) ซีอีโอ Jamie Dimon กล่าวในจดหมายประจำปีของเขาถึงผู้ถือหุ้นว่าการแข่งขันกำลังทวีความรุนแรงขึ้นโดยเสริมว่า “การเข้าซื้อกิจการอยู่ในแผนในอนาคตของเราและฟินเทคเป็นพื้นที่ที่เราสามารถใช้เงินทำงานได้”