Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐร่วงลงในการซื้อขายช่วงเย็นของวันอาทิตย์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่หุ้นเทคโนโลยียังคงเผชิญกับการเทขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง
S&P 500 ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.9% เป็น 5,329.0 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ลดลง 1.4% เป็น 18,302.0 จุด เมื่อเวลา 19:28 ET (23:28 GMT) ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.5% มาเป็น 39,680.0 จุด
ความกลัวเกี่ยวกับเศรษฐกิจสั่นคลอนวอลล์สตรีท
การขาดทุนในหุ้นฟิวเจอร์สของวอลล์สตรีทเกิดขึ้นหลังจากหุ้นสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ข้อมูลที่อ่อนแอหลายชุดเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจและตลาดแรงงานได้ทำให้เกิดความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐได้รักษาอัตราดอกเบี้ยไว้สูงนานเกินไป ทำให้โอกาสที่เศรษฐกิจจะ soft landing นั้นลดลง
แนวคิดนี้ได้เปิดเผยออกมาเมื่อวันศุกร์หลังจากที่ข้อมูล การจ้างงานนอกภาคเกษตร ประจำเดือนกรกฎาคมต่ำกว่าที่คาดไว้มาก ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเย็นตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
แม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะทำให้เกิดความหวังเพิ่มขึ้นต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ แต่ก็ไม่สามารถดึงดูดความต้องการในสินทรัพย์เสี่ยงได้มากนัก
การเทขายยังคงเน้นไปที่หุ้นเทคโนโลยีเป็นหลัก โดยที่ NASDAQ คอมโพสิต ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ ลดลง 2.4% มาเป็น 16,776.16 จุดในวันศุกร์ โดยขณะนี้ดัชนีลดลงมากกว่า 10% จากระดับสูงสุดที่ทำไว้เมื่อต้นปี
การขาดทุนในหุ้นเทคโนโลยียังทำให้ S&P 500 ลดลง 1.8% มาเป็น 5,346.56 จุด ขณะที่ ดาวโจนส์ ซึ่งมีจำนวนหุ้นเทคโนโลยีน้อยกว่าดัชนีอื่น ๆ ลดลง 1.5% เป็น 39,737.26 จุด
จับตาสัญญาณเศรษฐกิจและรายงานผลประกอบการ
หลังจากการประชุมของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งธนาคารกลางยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังส่งสัญญาณว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ตลาดจะติดตามสัญญาณเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ของเฟดหลายคนในสัปดาห์นี้
ในสัปดาห์นี้ยังมีข้อมูลเศรษฐกิจบางส่วนที่น่าสนใจ เช่น ข้อมูล PMI ที่ไม่ใช่ภาคการผลิต จากสถาบันการจัดการอุปทานซึ่งจะเผยแพร่ในวันนี้
ในส่วนของรายงานผลประกอบการของบริษัทก็มีทั้ง Caterpillar Inc (NYSE:CAT) บริษัทผู้นำด้านอุตสาหกรรม และ Uber Technologies Inc (NYSE:UBER) บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการให้บริการรถเช่า มีกำหนดรายงานผลประกอบการในวันอังคาร
หุ้น Super Micro Computer Inc (NASDAQ:SMCI) ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากกระแสปัญญาประดิษฐ์ ก็จะประกาศในวันอังคารเช่นกัน ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสื่อ Walt Disney Company (NYSE:DIS) และ Warner Bros Discovery Inc (NASDAQ:WBD) นั้นมีกำหนดการณ์จะประกาศในวันพุธ