💎 ดูบริษัทต่าง ๆ ที่มีสุขภาพทางการเงินที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบันเริ่มต้นเลย

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด เก็งหุ้นขึ้น หาก "ทรัมป์" คว้าชัยเลือกตั้งปธน.

เผยแพร่ 16/07/2567 04:02
© Reuters.  ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด เก็งหุ้นขึ้น หาก "ทรัมป์" คว้าชัยเลือกตั้งปธน.
US500
-
DJI
-

InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวขึ้น หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. เนื่องจากพรรครีพับลิกันมีนโยบายที่เป็นมิตรต่อภาคธุรกิจ ซึ่งจะทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น และส่งผลบวกต่อตลาด

นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งของนายทรัมป์จะช่วยลดโอกาสในการเกิดเหตุจลาจลในสหรัฐ ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในตลาด

ณ เวลา 20.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 40,230.96 จุด บวก 230.06 จุด หรือ 0.58%

"ที่ผ่านมา ทรัมป์มักมีนโยบายที่เอื้อต่อตลาด ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการเลือกตั้ง" นายนิค เฟอร์เรส หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Vantage Point Asset Management กล่าว

ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ออกรายงานระบุว่า "ในการเลือกตั้งประธานาธืบดี 5 ครั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และโดยเฉพาะความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก มักขานรับชัยชนะของพรรครีพับลิกันมากกว่าพรรคเดโมแครต และความเชื่อมั่นดังกล่าวนำไปสู่การใช้จ่ายและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นชัยชนะของทรัมป์จะช่วยกระตุ้นแนวโน้มกำไรของภาคธุรกิจ"

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เหตุการณ์ลอบสังหารนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลให้นายทรัมป์คว้าชัยชนะเหนือประธานาธิบดีโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย.นี้

"ทรัมป์มีคะแนนนำไบเดนอยู่ก่อนแล้ว และเหตุการณ์นี้จะยิ่งทำให้คะแนนนิยมของทรัมป์ทิ้งห่างออกไป" นายอดัม ไครซาฟูลลี ผู้ก่อตั้งสถาบัน Vital Knowledge กล่าว

ส่วนนายแซม สโตวอลล์ หัวหน้านักวิเคราะห์ฝ่ายการลงทุนของ CFRA Research กล่าวว่า "ข่าวดีคือทรัมป์ไม่ได้รับบาดเจ็บ โดยมีแผลเล็กน้อยบริเวณหูเท่านั้น และเขาไม่ได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นจะยังคงดีดตัวขึ้นต่อไป"

มีการคาดการณ์ว่า นายทรัมป์จะได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการจากพรรครีพับลิกันให้เป็นตัวแทนของพรรคในการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในศึกเลือกตั้งเดือนพ.ย. โดยการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันจะมีในสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ 15-18 ก.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน ดีซี (Economic Club of Washington, D.C.) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้

การกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าว ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้เวลา 12.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 23.30 น.ตามเวลาไทย ถือเป็นการแสดงความเห็นของนายพาวเวลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เจ้าหน้าที่เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ในวันเสาร์นี้ และก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 30-31 ก.ค.

ทั้งนี้ กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นต่อสาธารณะ หรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง

นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนก.ย., พ.ย. และธ.ค. จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในเดือนก.ย.และธ.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 89.9% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 71.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 59.2% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 33.5% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะเดียวกัน นักลงทุนให้น้ำหนัก 52.6% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 26.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย