โดย Kim Khan
Investing.com - ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. ธนาคารยักษ์ใหญ่รายงานผลประกอบการอีกวัน
การรายงานผลประกอบการในกลุ่มหุ้นการเงินจะดำเนินต่อไปในวันนี้ก่อนเวลาเปิดตลาด โดยเมื่อวานนี้หุ้นกลุ่มธนาคารได้รับแรงกดดันหลังจาก JPMorgan (NYSE:JPM) และ Wells Fargo (NYSE:WFC) รายงานผลขาดทุนแม้จะได้มีการสำรองเงินสดจำนวนมากเพื่อให้ครอบคลุมกรณีลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้เนื่องจากมาตรการล็อคดาวน์ก็ตาม
อ้างอิงจากผลคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่รวบรวมโดย Investing.com คาดว่า Goldman Sachs (NYSE:GS) จะ ทำกำไร ได้ $3.75 ต่อหุ้นและคาดว่าจะมีรายได้ 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
Citigroup (NYSE:C) ก็จะรายงานผลประกอบการ และคาดว่าจะมี ผลกำไร $1.59 ต่อหุ้นและมีรายได้ประมาณ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
Haris Anwar จาก Investing.com ระบุว่า “ นอกเหนือจากผลกำไรและรายได้แล้ว นักลงทุนก็จะจับตาดูอัตราส่วนประสิทธิภาพการดำเนินงานของ Citigroup หรือรายจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ด้วย” และ “ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวอยู่ต่ำกว่า 60% เสมอ จึงทำให้ Citi เป็นธนาคารรายใหญ่เพียงแห่งเดียวที่สามารถรักษาเปอร์เซ็นต์ไว้ในระดับนั้นได้มาตลอด”
Bank of America (NYSE:BAC) ก็จะรายงานผลประกอบการเช่นกัน
คาดว่า Bank of America จะ ทำกำไร ได้ 59 เซนต์ต่อหุ้นและมีรายได้ 2.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
หลังจากตลาดปิดก็จะมีการรายงานผลประกอบการของ Bed Bath & Beyond (NASDAQ:BBBY) ซึ่งหุ้นของบริษัทได้ทรุดตัวลงมาแล้วเกือบ 70% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้
2. คาดว่ายอดค้าปลีกสหรัฐเดือนมีนาคมจะทรุดตัวลงอย่างหนัก
ปฏิทินเศรษฐกิจในวันนี้ค่อนข้างคึกคัก และจะมีการรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐของเดือนที่ผ่านมาด้วย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะรายงานยอดค้าปลีกล่าสุดในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT)
จากผลคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่รวบรวมโดย Investing.com คาดว่า ยอดค้าปลีก จะดิ่งลง 8% ส่วน ยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายยานยนต์คาดว่าจะลดลง 4.8%
ยอดค้าปลีกที่ลดลงครั้งนี้จะเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
Diane Swonk หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Grant Thornton ได้ทวีตว่า “ไม่ การกักตุนกระดาษชำระและเจลทำความสะอาดมือไม่สามารถชดเชยเงินเดือนที่พนักงานไม่ได้รับและการปิดร้านค้าปลีกจำนวนมากได้”
ในเวลาเดียวกันธนาคารกลางสหรัฐประจำนิวยอร์กก็จะรายงาน ดัชนีภาคการผลิตนิวยอร์ก ประจำเดือนเมษายน
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขจะออกมาเท่ากับ -35 ใกล้ระดับต่ำสุดในสมัยวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ที่เท่ากับ -38.2
และในเวลา 9:15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก เฟดจะรายงาน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือนมีนาคมซึ่งคาดว่าจะลดลง 4% และ อัตราการใช้กำลังการผลิต คาดว่าจะทรุดตัวลง 73.8%
3. ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ
ราคาน้ำมันปรับตัวลงเมื่อวานนี้ หลังจากที่ตลาดได้ประจักษ์แล้วว่าการร่วมมือกันเพื่อลดกำลังการผลิตน้ำมันนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นเพียงใด
วันนี้จะมีการรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐอย่างเป็นทางการรายสัปดาห์
สำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐ (EIA) คาดว่าจะรายงาน ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ในสัปดาห์ที่แล้วที่สูงขึ้น 11.7 ล้านบาร์เรล จากสามสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีปริมาณน้ำมันดิบคงคลังเพิ่มขึ้นมาถึง 30.6 ล้านบาร์เรลแล้ว
ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลัง ประจำสัปดาห์ที่แล้วก็คาดว่าจะสูงขึ้น 6.4 ล้านบาร์เรล หลังจากเมื่อสามสัปดาห์ที่ผ่านมามีปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่สะสมสูงขึ้น 16.5 ล้านบาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) ได้รายงานเมื่อวานนี้ว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 เมษายนสูงขึ้นมา 13.1 ล้านบาร์เรล