Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในวันพุธขยายกำไรจากจุดสูงสุดในวอลล์สตรีท เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงเกินคาดได้ดึงดูดความเห็นเชิง hawkish จากธนาคารกลางสหรัฐฯ
กำไรส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นจากกระแสปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะหลังจากที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple Inc (NASDAQ:AAPL) ประกาศรุกเข้าสู่วงการนี้
เมื่อเวลา 19:18 ET (23:18 GMT) S&P 500 ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้น 0.1% มาเป็น 5,435.0 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.5% มาเป็น 19,596.25 จุด ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ขยับลง 0.1% มาเป็น 38,726.0 จุด
เฟดส่งสัญญาณ hawkish หลังเงินเฟ้อ CPI ลดลง
เฟด ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ตามที่คาดการณ์ในวันพุธ แต่ประธาน เจอโรม พาวเวลล์ ก็ทำให้ตลาดแปลกใจโดยระบุว่าธนาคารกลางตั้งใจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ ลดลงจากที่เคยคาดไว้ในเดือนมีนาคมว่าจะมีการปรับลดถึงสามครั้ง
การเปลี่ยนแปลงจุดยืนของเฟดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากสมาชิกจำนวนมากมองเห็นสัญญาณของเงินเฟ้อที่สูงขึ้นภายในประเทศ โดยมีผู้กำหนดนโยบายบางคนที่เรียกร้องไม่ให้มีการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้เช่นกัน ธนาคารกลางยังได้เพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อสำหรับปีนี้อีกด้วย
แต่คาวมเห็นเชิง hawkish ของเฟดได้ถูกชดเชยไปบ้างด้วยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อ CPI ขยับลงเล็กน้อยในเดือนพฤษภาคม ผลกำไรจำนวนมากในวอลล์สตรีทก็เกิดขึ้นหลังจากรายงานดังกล่าว ท่ามกลางความเชื่อมั่นว่าอัตราการลดลงของเงินเฟ้อยังคงเดินหน้าต่อไป
ข้อมูล PPI ที่จะประกาศในวันนี้ คาดว่าจะให้สัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินเฟ้อโดยรวม
S&P 500 และ Nasdaq ทำสถิติสูงสุดใหม่จากกำไรในหุ้นเทคฯ
S&P 500 และ NASDAQ คอมโพสิต ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธ หลังได้รับแรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยีท่ามกลางความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับ AI
Apple Inc ได้ประกาศฟีเจอร์ AI ใหม่ในสินค้าเรือธงของตนในสัปดาห์นี้ และยังร่วมมือกับ OpenAI ในการใช้ฟีเจอร์บางอย่างด้วย หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 7% และครองตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในวอลล์สตรีทชั่วคราว เหนือกว่า NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) และ Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT)
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับที่ Oracle (NYSE:ORCL) บริษัทคลาวด์ยักษ์ใหญ่ได้ประกาศความร่วมมือ AI กับ Alphabet (NASDAQ:GOOGL) Inc และ Microsoft ทำให้หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นถึง 13% ในวันพุธ
S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.9% มาเป็น 5,421.03 จุด ขณะที่ Nasdaq คอมโพสิตพุ่งขึ้น 1.5% มาเป็น 17,610.79 จุด ทางด้าน ดาวโจนส์ ขยับลง 0.1% มาเป็น 38,712.21 จุด
การขาดทุนในหุ้นกลุ่มผู้บริโภคได้กดดันดาวโจนส์ เนื่องจากข้อมูล CPI ที่อ่อนตัวลงถือเป็นสัญญาณของการใช้จ่ายที่ลดลง Nike Inc (NYSE:NKE) ถือเป็นแรงกดดันที่ใหญ่ที่สุดในดัชนี
ในบรรดาความเคลื่อนไหวหลังเวลาตลาดปิดทำการ Broadcom Inc (NASDAQ:AVGO) พุ่งขึ้นกว่า 14% หลังจากบริษัทผู้ผลิตชิปรายงานผลประกอบการที่ดีเนื่องจากความต้องการ AI และบริษัทยังประกาศแยกหุ้นแบบ 10 ต่อ 1 อีกด้วย