Investing.com - นักวิเคราะห์จาก Bank of America ระบุว่าในเดือนพฤษภาคมมีการไหลเข้าของ ETF ทองคำอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งพลิกกลับแนวโน้มการไหลออกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำที่ลดลงจากรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ทำให้ยังไม่แน่ใจว่าการไหลเข้าของ ETF จะดำเนินต่อไปหรือไม่
จากข้อมูลของ World Gold Council การถือครอง ETF ทองคำเกิดการไหลเข้าประจำเดือนครั้งแรกในรอบ 12 เดือนในเดือนพฤษภาคม คิดเป็นมูลค่า 529 ล้านดอลลาร์หรือ 8.2 ตัน การไหลเข้าดังกล่าวมีแรงขับเคลื่อนหลักจากกองทุนในยุโรปและเอเชีย โดยการไหลเข้าของยุโรปมีแนวโน้มจะได้รับอิทธิพลจากการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป ส่วนด้านการไหลเข้าของเอเชียนั้นมีแรงขับเคลื่อนหลักจากความต้องการของจีน ในทางตรงกันข้าม การไหลออกของ ETF ทองคำในอเมริกาเหนือเชื่อว่าถูกอิทธิพลจากการคาดการณ์ท่าทีเชิง hawkish ของเฟด
ราคาทองคำมีความผันผวนอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในช่วงแรก ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 2% เป็น 2,376 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากรายงานการจ้างงาน ADP ที่อ่อนตัวกว่าที่คาด ซึ่งแสดงให้เห็นการชะลอตัวของการจ้างงานในภาคเอกชนจาก 188,000 ในเดือนเมษายนเป็น 152,000 ในเดือนพฤษภาคม ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 175,000 อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวก็เกิดขึ้นเพียงในระยะสั้น
ราคาทองคำยังได้รับผลกระทบจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางของจีน (PBoC) ได้ระงับการซื้อทองคำในเดือนพฤษภาคม สิ้นสุดการซื้อที่ต่อเนื่องกันมาถึง 18 เดือน เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ราคาทองคำได้รับแรงกดดันอย่างมาก เนื่องจากการซื้อทองคำโดยธนาคารกลางจีนถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา
ในวันศุกร์ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของสหรัฐฯ ได้พุ่งขึ้นหลังจากรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่โดดเด่น บ่งชี้ว่าตัวเลข Fed Funds จะยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลที่ตามมาก็คือทองคำปิดสัปดาห์ที่ 2,294 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลงถึง 1.4%
หากมองต่อไปในปี 2024 นี้ นักวิเคราะห์ของ BofA ได้ระบุว่า Agnico Eagle Mines (NYSE:AEM) และ Pan American Silver (NYSE:PAAS) ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มโลหะมีค่าของอเมริกาเหนือ โดยหุ้นทั้งสองตัวนั้นทำผลงานได้ดีกว่าราคาทองคำและดัชนีทองคำทั่วโลก S&P/TSX นักวิเคราะห์ยังคงแนะนำ AEM และ PAAS ให้เป็นตัวเลือกสำหรับหุ้นโลหะมีค่าในปี 2024