โดย Yasin Ebrahim
Investing.com – ตลาดหุ้นดาวโจนส์ของสหรัฐระส่ำหนัก จากดัชนีที่ดิ่งลงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในการซื้อขายเพียงวันเดียว และเป็นเปอร์เซนต์การดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสอง จากแรงเทขายของนักลงทุนในช่วงท้ายหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ที่เลวร้ายที่สุดอาจจะยาวไปถึงช่วงฤดูร้อนและจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้
โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ The Dow Jones Industrial Average ร่วงลงถึง 12.97% หรือ 2,997.10 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 11.98% และดัชนี NASDAQ Compositeลดลง 12.32%
ในขณะที่หลายฝ่ายเริ่มหมดหวัง ว่าการระบาดของโควิด-19 จะไม่ยืดเยื้อ แต่ทรัมป์กลับเผยว่าวิกฤตการแพร่ระบาดอาจจะลุกลามไปจนถึงเดือนกรกฏาคมหรือสิงหาคม และเตือนพลเมืองอเมริกันให้หลีกเลี่ยงการเดินทางและการชุมนุมในที่สาธารณะ
ในหายนะของตลาดการลงทุนครั้งนี้ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และพลังงานถือเป็นผู้นำร่องความสูญเสีย โดยราคาน้ำมันตกต่ำลงถึง 9.5% เนื่องจากความวิตกเรื่องการเดินทางที่ลดลงที่ยืดเยื้อ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
ส่วนสายการบิน เริ่มมีหวังหลังจากที่ทรัมป์ประกาศอุ้มอุตสาหกรรมการบินในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมการบินหยุดชะงักจากการเดินทางที่ลดลง
ขณะที่หุ้น United Airlines (NASDAQ:UAL) และ Delta Air Lines Inc (NYSE:DAL) ลดลง 15% and 6.7% ตามลำดับ, ส่วน American Airlines Group (NASDAQ:AAL) พุ่งขึ้น 11.2%.
กลุ่มภาคการเงินเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับความเสียหายอย่างมากนำโดยกลุ่มธนาคาร ที่เตรียมใช้แผนระงับการซื้อคืนหุ้น เพื่อสำรองเงินให้เพียงพอสำหรับลูกค้า โดยธนาคารหลายแห่งรวมถึง Bank of America Corp (NYSE:BAC), Citigroup Inc (NYSE:C), Goldman Sachs Group Inc (NYSE:GS), JPMorgan Chase & Co (NYSE:JPM) and Morgan Stanley (NYSE:MS), ระงับการซื้อคืนชั่วคราวในช่วงที่เหลือของไตรมาสแรก และไตรมาสสองของปีนี้
กลุ่มเทคโนโลยี หุ้นของ Apple (NASDAQ:NASDAQ:AAPL)ร่วงลง 13% หลังจากที่ออกมาประกาศว่า จะปิด Apple store ทุกแห่งนอกประเทศจีนในสองสัปดาห์ข้างหน้า เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และข่าวการถูกหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคของฝรั่งเศสสั่งปรับสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์