Investing.com - คาดว่าหุ้นในตลาดเอเชียแปซิฟิกจะเปิดการซื้อขายในราคาที่สูง ซึ่งสะท้อนถึงการปรับขึ้นของหุ้นสหรัฐฯ ที่ได้รับแรงหนุนจากดัชนีราคาผู้บริโภคที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนตุลาคม
เมื่อเวลา 11:10 น. AEDT (00:10 น. GMT) ดัชนี S&P/ASX 200 Nikkei 225 และ KOSPI 200 ปรับขึ้น 1.4% , 1.8% และ 1.7% ตามลำดับ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจาก CPI เดือนตุลาคม ปรับขึ้นช้าลง 3.2% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับขึ้น 489 จุดหรือ 1.4% ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 1.9% และ NASDAQ คอมโพสิต ปรับขึ้น 2.4%
ทุกภาคส่วนมีการเติบโตมากขึ้น จากหุ้นอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ราคาปรับขึ้น 5.3% ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมันดิบเบรนท์ ปรับลงเล็กน้อย 0.1% เป็น 82.47 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ทองคำ ปรับขึ้น 0.8% เป็น 1,962.97 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ในตลาดพันธบัตร อัตราผลตอบแทนของ พันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลีย อายุ 2 ปี ยังทรงตัวที่ 4.34% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของ พันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลีย อายุ 10 ปี ปรับลงเหลือ 4.66% พันธบัตรสหรัฐปรับลดลง โดยอัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 2 ปี อยู่ที่ 4.83% และอัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี อยู่ที่ 4.45%
ในเอเชีย หุ้นจีนปิดตลาดสูงขึ้นเนื่องจากมีความคาดหวังสูงก่อนการประชุมในวันพุธระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ส่งผลให้หุ้นซอฟต์แวร์และอสังหาริมทรัพย์ทำกำไรอย่างมาก แต่ยังมีหุ้นพลังงานที่กดดันตลาด หุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงเนื่องจากหุ้นเทคโนโลยีที่อ่อนแอ แม้จะมีกำไรเพิ่มขึ้นในอสังหาริมทรัพย์ การเงิน และภาคอื่น ๆ ก็ตาม ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.3% ก่อนการประชุมเดียวกัน
ในยุโรป หุ้นมีการปรับขึ้นอย่างรวดเร็วในการซื้อขายช่วงท้าย เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ออกมาอ่อนตัวกว่าที่คาด ตอกย้ำความเชื่อที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐไม่น่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปได้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ยูโรโซน ปรับขึ้น 1.4% DAX ของเยอรมนีปรับขึ้น 1.7% และ CAC40 ของฝรั่งเศส ปรับขึ้น 1.5% โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เหมืองแร่ เทคโนโลยี และหุ้นอุตสาหกรรม ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ปรับขึ้น 0.2% เมื่อวันอังคารโดยได้รับแรงหนุนจากภาคเหมืองแร่ หลังจากอัตราเงินเฟ้อของราคาผู้บริโภคสหรัฐที่อ่อนตัวกว่าที่คาด