InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (8 ส.ค.) หลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐ 10 แห่ง ซึ่งส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของธนาคารต่าง ๆ และแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,314.49 จุด ลดลง 158.64 จุด หรือ -0.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,499.38 จุด ลดลง 19.06 จุด หรือ -0.42% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,884.32 จุด ลดลง 110.07 จุด หรือ -0.79%
มูดี้ส์ได้ปรับลดอันดับความเชื่อถือของธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐจำนวน 10 แห่งลง 1 ขั้น และประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดใหญ่ โดยจำนวน 6 แห่งมีแนวโน้มถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งรวมถึงแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน, ยูเอส แบงคอร์ป, สเตท สตรีท และทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล
ทั้งนี้ มูดี้ส์เตือนว่า ภาคธนาคารของสหรัฐเผชิญความเสี่ยงจากต้นทุนการระดมทุนที่สูงขึ้น การลดลงของเงินฝาก และอัตราการทำกำไรที่อ่อนแอ หลังการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB)
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร (S&P 500 Banks index) ดิ่งลง 2.5% และดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาค (KBW regional bank index) ร่วงลง 1.4% นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน
เจสัน ไพรด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Glenmede กล่าวว่า การที่มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็ก และเตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดใหญ่ในวันข้างหน้า ถือเป็นการประกาศต่อสาธารณชนว่ามูดี้ส์มีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบธนาคารสหรัฐ และผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจสหรัฐเป็นวงกว้าง
หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลง 0.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 2.210 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.302 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า รายได้ที่ต่ำกว่าคาดของยูพีเอสเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน WTI หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้
หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องกีฬาและเสื้อผ้ากีฬารายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.13% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายงานตัวเลขกำไรในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ของปีงบการเงินบริษัท สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าบริษัทจะประสบภาวะขาดทุน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าภาคสินค้าและบริการของสหรัฐลดลง 4.1% สู่ระดับ 6.55 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.50 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังขาดดุลการค้า 6.83 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.
ส่วนการนำเข้าลดลง 1.0% สู่ระดับ 3.130 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564 และการส่งออกลดลง 0.1% สู่ระดับ 2.475 แสนล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพรุ่งนี้ (10 ส.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 4.8% ในเดือนมิ.ย.