ตลาดหุ้นเอเชียขยับขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายเบาบาง

โดย  Ambar Warrick

Investing.com -- หุ้นอินเดียปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ตามผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ขณะที่หุ้นเอเชียโดยรวมปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าวันหยุดของตลาดเอเชียจะทำให้ปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่ในภูมิภาคลดลง

ดัชนี BSE Sensex 30 และ Nifty 50 ของอินเดียขยับขึ้น 0.7% โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารรายใหญ่ตามผลประกอบการที่ดีเกินคาดจาก ICICI Bank Ltd (NS:ICBK ) และ Kotak Mahindra Bank Ltd. (NS:KTKM) หุ้นทั้งสองปรับตัวขึ้น 0.8% และ 1.3% ตามลำดับ เนื่องจากได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศ

Reliance Industries Ltd (NS:RELI) ซึ่งเป็นหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ปรับตัวขึ้น 0.5% แม้ว่าตัวเลข ผลประกอบการ จะออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดในไตรมาสเดือนธันวาคม เนื่องจากบริษัท ธุรกิจโรงกลั่นเชื้อเพลิงถูกหักภาษีจากการส่งออก

รายได้ประจำไตรมาสโดยรวมที่เผยแพร่จนถึงตอนนี้ยังคงให้ภาพรวมที่ผสมผสานกับตลาดหุ้นอินเดีย และคาดเดาได้ว่า อัตราดอกเบี้ย และ อัตราเงินเฟ้อ ที่สูงกำลังเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคอื่น ๆ นอกเหนือจากภาคธนาคาร

ตลาดเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน แต่ตลาดกำลังวางเดิมพันว่าเศรษฐกิจจีนจะได้รับแรงหนุนอย่างมากในช่วงวันหยุดยาวหนึ่งสัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่จีนยกเลิกข้อจำกัดส่วนใหญ่ในการควบคุมโควิดและเปิดพรมแดนอีกครั้ง

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนเป็นลางดีสำหรับตลาดเอเชีย เนื่องจากเศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่พึ่งพาจีนที่เป็นจุดหมายปลายทางของการค้า

ดัชนี นิคเคอิ 225 ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 1.3% โดยตลาดในภูมิภาคยังได้แรงหนุนจากหุ้นที่ขึ้นนำอย่างแข็งแกร่งจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวันศุกร์ จุดเน้นในสัปดาห์นี้อยู่ที่รายงานรายได้ของบริษัทภาคเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึง Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) Tesla Inc (NASDAQ:TSLA) International Business Machines (NYSE :IBM) และ Intel Corporation (NASDAQ:INTC)

นักลงทุนกำลังเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ เนื่องจากประเทศยังคงเผชิญกับ อัตราดอกเบี้ย และ อัตราเงินเฟ้อ ในระดับสูงผลประกอบการของบริษัทคาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มถดถอยมากขึ้น

สัปดาห์นี้จุดสนใจอยู่ที่ ข้อมูล GDP ไตรมาสที่ 4 ของสหรัฐฯ ซึ่งจะครบกำหนดในวันพฤหัสบดี นี้ ซึ่งคาดว่ารายงานจะแสดงให้เห็นว่าการเติบโตของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกชะลอตัวในช่วงปลายปี 2022 และอาจจะต่อเนื่องในปี 2023 เช่นกัน