Investing.com - ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวแคบๆทั้งแดนบวกและลบในวันพฤหัสฯ โดยให้จับตามองสายการบิน คาเธ่ย์ แปซิฟิค ของฮ่องกง
ดัชนี Nikkei 225 ลดลง 0.07% และ ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียลดลง 0.07% ในขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงคงที่ และ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเพิ่มขึ้น 0.38%
สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคประกาศว่าในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทขาดทุนไป 2.05 พันล้านเหรียญฮ่องกง หรือ 262.07 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากการแข่งขันและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคยังเสริมด้วยว่า ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังก็คงไม่ได้ดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ราคาหุ้นของบริษัทจึงคงที่
ในคืนวันพุธที่ผ่านมาทางฝั่งสหรัฐฯ ตลาดหุ้นปิดสูงขึ้น โดยที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวเลขภาคอสังหาฯที่อ่อนลง รวมทั้งแนวโน้มด้านลบจากการที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจที่จะยุบสภาการผลิต หลังจากที่ซีอีโอลาออก
ในทวีตเตอร์ ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวว่าเขาได้ยุบสภาที่ปรึกษาด้านการผลิต และ ยุบกลุ่มนโยบายและกลยุทธ์
อย่างไรก็ตาม ความสนใจของนักลงทุนต่างหันไปที่รายงานการประชุมประจำเดือนกรกฎาคมของเฟด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการแบ่งแยกทางความคิดของสมาชิกเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอันเป็นผลมาจากการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ
รายงานมติแสดงให้เห็นว่าสมาชิกเฟดเกิดความไม่มั่นใจว่าการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อจะเป็นเพียงแค่ระยะสั้น และยังเชื่ออีกว่าเฟดจะคงยืนกรานเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมีสัญญาณการฟื้นตัวของอัตราเงินเฟ้อ
รายงานมติเปิดเผยว่า ในการพิจารณาช่วงเวลาในการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ทางเฟดจะวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ๆที่เข้ามาเพื่อประเมินความเป็นไปได้ว่าการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อเป็นเพียงชั่วคราว
ในขณะเดียวกัน การลดลงของยอดสร้างบ้านใหม่สำหรับหลายครอบครัวที่ร่วงไปสู่ระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ10เดือน ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นในสหรัฐฯเท่าใดนัก เนื่องจากนักลงทุนต่างให้ความสนใจที่ผลประกอบการของบริษัทต่างๆมากกว่า
ในวันพุธที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้มีการรายงานตัวเลขจำนวนบ้านใหม่ที่กำลังก่อสร้างว่าลดลง 4.8% สู่ระดับ 1.16 ล้านยูนิต
ดัชนีดาวน์โจนส์ปิดสูงขึ้นที่ 22,024.87 จุด ในขณะที่ S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 0.14% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,345 จุด เพิ่มขึ้น 0.19%