Investing.com – ในวันอังคาร ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ซึ่งได้เพิ่มความกลัวในหมู่นักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง
เมื่อต้นเดือนนี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสามในสี่ของจุดเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 1.5% -1.75% เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปี ดาลีกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเธอเชื่อว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 75 จุดพื้นฐานในเดือนหน้า
นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ แห่งนิวยอร์ก สนับสนุนแนวคิดที่ว่าต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
ทั้งดาลีและวิเลียมส์กล่าวว่าพวกเขาคาดว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสองสามในสิบของจุดเปอร์เซ็นต์จากระดับ 3.6% ในปัจจุบัน แต่ทั้งคู่กล่าวว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งและเศรษฐกิจมีโมเมนตัมเพียงพอที่จะไม่เกิดภาวะถดถอย
ในบทความที่ตีพิมพ์เมื่อวันอังคารบนเว็บไซต์ https://www.stlouisfed.org/publications/regional-economist/2022/june/getting-ahead-of-inflation-lesson-1974-1983 เจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางเซนต์หลุยส์ชี้ให้เห็นถึงสองเหตุการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งคือในปี 1983 และ 1994 เมื่อเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะถดถอย และกล่าวว่าธนาคารกลางควรตั้งเป้าหมายที่จะทำตามตัวอย่างนั้น
คณะกรรมการตลาดกลางแห่งสหพันธรัฐหรือที่เรียกว่า FOMC เป็นหน่วยงานกำหนดนโยบายของเฟด
ข้อมูลจาก Conference Board เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนในเดือนมิถุนายน เนื่องจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ ดาลีกล่าวว่าเธอกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด