รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ธปท. ยันอัตราดอกเบี้ยไทยจะปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

เผยแพร่ 23/06/2565 15:08
อัพเดท 23/06/2565 15:17
© Reuters.

Investing.com – ธนาคารกลางไทยกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้าหมายจะค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับการฟื้นตัวช้าและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นหนึ่งในธนาคารกลางรายใหญ่ไม่กี่แห่งในเอเชียที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เกิดโรคระบาด แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีในเดือนพฤษภาคม  

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้จะยังคงอยู่ในระดับสูง แต่น่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายของ ธปท. ที่ 1-3% ในไตรมาสที่สองของปี 2023 นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส กล่าวในงานสัมมนาการค้า

ธปท. ได้คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ 6.2% ในปีนี้และ 2.5% ในปีหน้าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ 3.3% ในปี 2022 และ 4.2% ในปี 2023

สักกะภพ กล่าวว่าพื้นที่เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นคาดว่าจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า

โดยความล่าช้าของการปรับนโยบายการเงินให้เป็นปกติจะเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัว ตามรายงานการประชุมครั้งล่าสุดของ ธปท. เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ในที่ประชุมได้รับคะแนนเสียง 4-3 ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ซึ่ง 3 ใน 4 ได้ออกเสียงให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าการประชุมครั้งต่อไปของ ธปท. ในวันที่ 10 ส.ค. จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018

สักกะภพกล่าวว่าค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วและจะมีความผันผวนมากขึ้น โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าเงินบาทที่ซื้อขายในวันพฤหัสบดีใกล้ระดับที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 5 ปีครึ่งเทียบกับดอลลาร์

เขากล่าวว่ามี "สัญญาณที่ชัดเจนขึ้นของการไหลออกของเงินทุน" ในเดือนมิถุนายน พร้อมเสริมว่าธนาคารกลาง "จะดูแลค่าเงินบาทหากตลาดเคลื่อนไหวเกินปัจจัยพื้นฐาน"

จนถึงเดือนนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิประมาณ 29 พันล้านบาท (818.52 ล้านดอลลาร์) และพันธบัตรไทยประมาณ 37 พันล้านบาท (1.04 พันล้านดอลลาร์)

(ค่าเงินบาท USD/THB = 35.43 บาท)

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย