
โปรดลองค้นหาใหม่อีกครั้ง
โดย วณิชชา สุมานัส
Investing.com – บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีงบ 2564 ทำกำไรสุทธิแข็งแกร่ง 777 ล้านบาท พุ่งแรง 177% จาก ‘บัตรติดล้อ’ ผลตอบรับดี และรายได้ธุรกิจนายหน้าประกันภัยโตต่อเนื่อง วางเป้าหมายรักษาผู้นำตลาดสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันผ่านระบบดิจิทัล
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยว่า บริษัทสามารถสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งรายได้และกำไรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ภาพรวมเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 โดยบริษัทฯ มีรายได้ในไตรมาส 2 ปีงบ 2564 รวม 2,918 ล้านบาท เติบโต 35% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 777 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดด 177% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายปิยะศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจัยจากความสำเร็จมาจาก ‘บัตรติดล้อ’ นวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าให้เข้าถึงแหล่งเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถกดเงินสดตามวงเงินสินเชื่อทะเบียนรถที่ได้รับการอนุมัติผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารพาณิชย์ชั้นนำทั่วประเทศ ปัจจุบันได้ออกบัตรดังกล่าวแก่ลูกค้าแล้วกว่า 180,000 ราย ประกอบกับบริษัทฯ มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลรวมถึงขยายสาขาตามแผนงานที่วางไว้ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีจำนวน 1,200 สาขา เพิ่มขึ้นจากเดิม 124 สาขา เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างประสิทธิภาพจากหลากหลายช่องทาง ทั้งออฟไลน์ ออฟไลน์และโมบายแอปพลิเคชัน ช่วยเพิ่มความสะดวกภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับผลดีจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่เพิ่มขึ้น 59.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันวินาศภัยจากธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโต 30.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยังอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราการเติบโตของตลาดที่โดยปกติมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพียง 3-4% ต่อปี
ทั้งนี้การเติบโตของรายได้ดังกล่าวของบริษัทฯ เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของลูกค้าใหม่ผ่านเครือข่ายสาขาที่เติบโตขึ้น และการรักษาฐานลูกค้าต่ออายุประกันได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ (Cost to income) ปรับลดลง อัตรา NPL หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงอยู่ที่ 1.56% อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ Coverage ratio ยังคงอยู่ในระดับสูง 306% ส่งผลให้ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยมีรายได้รวม 5,801 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,561 ล้านบาท เติบโต 15% และ 59% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์ตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้แม้มีความไม่แน่อน โดยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันในประเทศไทย จากการขยายเครือข่ายสาขาและการพัฒนาเทคโนโลยีและนำเสนอนวัตกรรมการให้บริการ พร้อมเดินหน้าทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มธุรกิจนายหน้าประกันภัยอย่างต่อเนื่อง
คุณแน่ใจหรือว่าคุณต้องการบล็อก %USER_NAME%?
เมื่อทำการบล็อก คุณและ %USER_NAME% จะไม่สามารถเห็นโพสต์ของแต่ละฝ่ายบนเว็บไซต์ Investing.com ได้
%USER_NAME% ได้ถูกเพิ่มเข้าไปใน Block List ของคุณแล้ว
เนื่องจากคุณเพิ่งยกเลิกการบล็อกบุคคลนี้ คุณต้องรอ 48 ชั่วโมงก่อนการบล็อกอีกครั้ง
ฉันรู้สึกว่าความคิดเห็นนี้
ขอบคุณ!
รายงานของคุณได้ถูกส่งไปยังผู้ดูแลบอร์ดของเราเพื่อการทบทวน
แสดงความคิดเห็น
เราสนับสนุนให้ท่านได้ใช้ช่องทางการแสดงความคิดเห็นนี้เพื่อสื่อสารสัมพันธ์กับผู้ใช้เว็บไซต์อื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนในทัศนคติและสอบถามข้อสงสัยกับผู้เขียนและสอบถามซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตามเพื่อให้การสื่อสารสัมพันธ์นี้เป็นไปอย่างเรียบร้อยที่เราทุกคนต้องการและคาดหวังดังนี้กรุณาพึงระลึกในข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้:
ผู้ที่โพสต์เนื้อหาข้อความสแปมหรือใช้เว็บไซต์นี้ไปในทางผิดจะถูกลบรายชื่อทิ้งจากเว็บไซต์และถูกปิดกั้นการลงทะเบียนเป็นสมาชิกในอนาคตซึ่งเป็นไปตามดุลพินิจของเว็บไซต์ Investing.com