โดย วณิชชา สุมานัส
Investing.com – แม้สถานการณ์การระบาดของโควิดรายวันจะยังไม่มีสัญญาณที่ดีขึ้น ตลาดหุ้นไทย (SET ยังกลับมาเปิดตลาดดีขึ้นบ้าง วันนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เผยตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 13,002 ราย จำแนกเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 11,953 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 1,049 ราย ผู้ป่วยสะสม 410,614 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) และเสียชีวิต 108 ราย
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยภาคเช้าวันนี้ ปิดทำการเมื่อเวลา 12.30 น. ดัชนีปรับตัวลดลง 5.21 จุด แตะ 1,533.65 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,141.39 ล้านบาท โดยหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 543 หลักทรัพย์ ลดลง 884 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง 568 หลักทรัพย์ ในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารกสิกรไทยล่าสุด อยู่ที่ดอลลาร์รับซื้อ 31.66 บาท ขาย 32.87 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ สมาคมค้าทองคำประกาศราคาซื้อ-ขายทอง ประจำวันพุธที่ 21 กรกฎาคม 2564 ครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.33 น. ราคาปรับลง 100 บาท โดยทองคำ แท่ง รับซื้อบาทละ 28,000.00 บาท ขายออกบาทละ 28,100.00 บาท และทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 27,500.24 บาท ขายออกบาทละ 28,600.00 บาท
แม้เงินบาทจะเปิดลดลงเล็กน้อย แต่ทองคำและตลาดหุ้นวันนี้ถือว่าได้รับอานิสงค์จากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset) เช่น เงินสกุลหลักได้แก่ ดอลลาร์และเยนญี่ปุ่น ดอลลาร์และเยนญี่ปุ่น บิทคอยน์ (บิทคอยน์) และพันธบัตรรัฐบาล ตลอดจนการที่ผู้นำเข้าต้องรีบกลับเข้ามาแลกซื้อหรือสกุลเงินต่างประเทศโดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนที่ผู้นำเข้ามักจะมีภาระจ่ายเงินออกเป็นสกุลเงินดอลลาร์หรือสกุลเงินต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายในอื่น ๆ ถึง 3 ปัจจัยที่น่าจับตา อันอาจมีผลต่อตลาดการลงทุนในประเทศในวันหน้าได้อีก
3 ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมตลาดลงทุนไทยในวันนี้
1. กลต. หนุนสภาพคล่อง
วันนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกหลักเกณฑ์การบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและเครื่องมือบริหารสภาพคล่องของกองทุนรวม เพื่อยกระดับให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มีกระบวนการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพและมีเครื่องมือบริหารสภาพคล่องที่หลากหลาย เพื่อคุ้มครองและรักษาประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนมากยิ่งขึ้น
2. นายกประชุม 40 ซีอีโอ
วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติและมีกำหนดพบหารือกับภาคเอกชนในช่วงบ่าย โดยเวลา 14.20 น. นายกรัฐมนตรี จะประชุมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ 40 ซีอีโอ ที่มาจากทุกกลุ่มธุรกิจของไทย เช่น กลุ่มธุรกิจค้าปลีก กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มธนาคาร-ประกันภัย กลุ่มธุรกิจไอที-เทคโนโลยี กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มธุรกิจส่งออก เรื่องการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ผ่านระบบ Video Conference จากตึกไทยคู่ฟ้า โดยจะเน้นใน 5 ประเด็นหลักได้แก่ การจัดหาวัคซีน การจัดหายาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ การตรวจเชิงรุก มาตรการเยียวยาเพิ่มเติม และมาตราการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
3. ธนาคารพักชำระหนี้ให้ลูกค้า
ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ ได้เห็นถึงความเดือดร้อนของลูกหนี้และเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน จึงเห็นร่วมกันให้ พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย (พักหนี้) ให้แก่ SMEs และรายย่อย เป็นระยะเวลา 2 เดือน ให้กับลูกหนี้ 2 ประเภท ได้แก่ เป็นลูกหนี้ที่ถูกสั่งปิดกิจการจากมาตรการรัฐ และลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการแต่ได้รับผลกระทบยอดขายลดลง โดยลูกหนี้เหล่านี้สามารถเข้าเจรจากับธนาคารเจ้าหนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมเป็นต้นมา ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณบวกที่ช่วยให้ลูกหนี้ได้บรรเทาทุกข์จากมาตราการรัฐและสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน