โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันอังคารที่ 14 กรกฎาคมมีดังต่อไปนี้
1. สหรัฐยกเลิกแผนการเปิดเศรษฐกิจ
ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย นายเกวิน นิวซัม ได้สั่งปิดธุรกิจภายในอาคารทั้งหมด โดยลอสแองเจลีสและซานดิเอโกซึ่งเป็นเมืองที่มีโรงเรียนตั้งอยู่เป็นจำนวนมากก็จะจัดการเรียนการสอนแบบทางไกลหลังจากปิดเทอมฤดูร้อน ท้าทายแรงกดดันจากรัฐบาลกลางที่เร่งให้รัฐเปิดโรงเรียน
มาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่นี้ประกอบไปด้วยการปิดบาร์ ร้านอาหารในอาคาร โรงภาพยนตร์ และร้านทำเล็บ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนทิศทางการเปิดเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐ หลังจากในสัปดาห์ที่ผ่านมามียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 20% และยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 10%
ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐโดยเฉลี่ยต่อวันได้สูงขึ้นจากกลางเดือนมิถุนายนที่ต่ำกว่า 20,000 ราย เป็น 59,000 รายแล้วเมื่อวานนี้
2. ธนาคารรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สอง
ฤดูกาลของการรายงานผลประกอบการได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดย JPMorgan, Citigroup และ Wells Fargo จะรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่สองในวันนี้
สิ่งที่น่าจับตาที่สุดคือการตุนเงินสำรองของธนาคารเพื่อรับมือกับหนี้องค์กรและหนี้บุคคลที่อาจเป็นหนี้เสีย เนื่องจากมีการยื่นล้มละลายและการปลดพนักงานจำนวนมาก
FactSet คาดว่าบริษัทต่าง ๆ ในดัชนี S&P 500 จะมีรายได้ลดลง 10% และผลกำไรลดลง 45% ในไตรมาสนี้ โดยภาพรวมของกลุ่มธนาคารดูเหมือนว่าจะแย่กว่านั้น โดยผลกำไรต่อหุ้นของ JPMorgan คาดว่าจะลดลงเกินครึ่งเหลือ $1.19 ส่วน Citigroup คาดว่าจะลดลง 84% เท่ากับ 36 เซนต์
3. ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จับตา Delta และ Softbank
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมปรับตัวขึ้นบางส่วน หลังจากทรุดตัวลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้เมื่อมีข่าวจากรัฐแคลิฟอร์เนีย
เมื่อเวลา 5:55 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (9:55 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow ล่วงหน้าขยับขึ้น 96 จุดหรือ 0.4% ส่วนสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าและสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ขยับขึ้น 0.3% โดยเมื่อคืนนี้ UBS ได้ออกมาเตือนถึงการประเมินมูลค่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และลดอันดับของการแนะนำหุ้นอย่าง Netflix (NASDAQ:NFLX) และ Spotify
นอกจากผลประกอบการของธนาคารใหญ่ทั้งสามธนาคารแล้ว ก็จะมีการรายงานผลประกอบการของสายการบิน Delta Air Lines และ Softbank ที่ราคาหุ้นได้แตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งปีเมื่อคืนนี้เมื่อมีข่าวว่าบริษัทอาจขายการถือครองหุ้นของ ARM
4. การส่งออกนำเข้าจีนเริ่มเติบโตขึ้นอีกครั้ง ข้อมูลเศรษฐกิจเยอรมนีและสหราชอาณาจักรต่ำกว่าคาด
ข้อมูลทางการค้าของจีนเมื่อเทียบปีต่อปีแล้วออกมาในแง่บวกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การระบาดได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงต้นปีนี้ โดยตัวเลขการส่งออกของจีนในเดือนมิถุนายนสูงขึ้น 0.5% และการนำเข้าสูงขึ้น 2.7%
โดยประเทศจีนได้ฟื้นตัวจากการทรุดตัวทางเศรษฐกิจได้รวดเร็วที่สุดเนื่องจากเป็นประเทศแรกที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด ส่วนในยุโรปซึ่งเกิดการระบาดภายหลังจากจีนเป็นเวลาสองเดือนกลับมีภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง เห็นได้จาก GDP ของสหราชอาณาจักรประจำเดือนพฤษภาคมที่เด้งกลับขึ้นมาเพียง 1.8% จากที่คาดไว้ 5.5%
ทางด้านดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ZEW ของเยอรมนีล่าสุดก็ลดลงจากเดือนมิถุนายนเนื่องจากสถานการณ์ย่ำแย่กว่าที่ประเมินไว้มาก
5. ราคาน้ำมันคงตัวหลังจากจีนเริ่มนำเข้าน้ำมัน
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือ OPEC จะเผยแพร่รายงานการประเมินสภาพตลาดน้ำมันประจำเดือน ในวันเดียวกับที่จะมีการประชุมทางเทคนิคเป็นเวลาสองวันเพื่อประเมินการปฏิบัติตามข้อตกลงการลดกำลังการผลิตน้ำมันของ OPEC+
เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันค่อนข้างคงตัวหลังจากอ่อนแรงลงเมื่อวานนี้เนื่องจากข่าวการระบาดครั้งใหม่ในแคลิฟอร์เนีย สร้างความหวาดหวั่นว่าอุปสงค์น้ำมันจะได้รับผลกระทบอีกครั้ง
ทั้งนี้กลับมีปัจจัยบวกจากการสั่งซื้อน้ำมันในเดือนมิถุนายนของจีนที่สูงขึ้น โดยอัตราการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนนั้นสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 12.99 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดือนพฤษภาคมที่นำเข้าเพียง 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐขยับลง 0.8% เท่ากับ $39.77 ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาเบรนท์ติดลบ 0.6% เท่ากับ $42.47 ต่อบาร์เรล
นักลงทุนห้ามพลาด
♦10 หุ้นบิ๊กกลุ่มรับเหมา ยังเก๋าอยู่ไหม?