InfoQuest - นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.00 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนที่ระดับ 35.22 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น และเคลื่อนไหวในกรอบ 34.95-35.25 บาท/ดอลลาร์ ตามการอ่อนค่าลงของ เงินดอลลาร์ และการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ โดยเงินบาทยังมีแนวโน้มผันผวนสูง ท่ามกลางปัจจัยการเมืองในประเทศที่เริ่มมีผลกับ ตลาดการเงินไทยมากขึ้นในระยะนี้ "ไฮไลท์สำคัญที่ควรจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ผลการโหวตเลือกประธานสภาฯ ในวันนี้ ซึ่งการประชุมสภาฯ จะเริ่มต้นในเวลา 9.00 น. และกระบวนการโหวตเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ทั้ง 2 ตำแหน่ง อาจใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง" ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้ผลการเลือกประธานสภาฯ เพราะหากผลการเลือกเป็นไปตามที่ทั้งพรรค ก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยเสนอและแถลงในคืนก่อน เรามองว่า ตลาดการเงินอาจตอบรับในเชิงบวก หนุนให้เงินบาทมีโอกาสพลิกกลับมา แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวรับ 34.90 บาท/ดอลลาร์ได้ไม่ยาก แต่หากผลการเลือกประธานสภาฯ ผิดจากคาด และสะท้อนความ วุ่นวายทางการเมือง หรือความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาล เราประเมินว่า เงินบาทก็มีโอกาสพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้เช่นกัน ธนาคารกรุงไทย มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.85-35.20 บาท/ดอลลาร์ THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 35.05625 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 144.62 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 144.40/80 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0906 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0860/0905 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.187 บาท/ดอลลาร์ - จับตาปัจจัยการเมืองในประเทศที่สำคัญวันนี้ คือการลงมติโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าผลที่ออกมาจะเป็นไปตาม ข้อตกลงของ 2 พรรคใหญ่ "ก้าวไกล-เพื่อไทย" ที่เสนอชื่อ "นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา" หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาฯ หรือไม่ และจะมีพรรคฝ่ายรัฐบาลในปัจจุบันเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานสภาฯ แข่งในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ - FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 89.9% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนักเพียง 10.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% - สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 1,929.50 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันจันทร์ (3 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อ ขาย ก่อนที่จะถึงวันหยุดเนื่องในวันชาติของสหรัฐฯ 4 ก.ค. - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่ นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. - ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเดือนมิ.ย. ปรับตัวลงสู่ระดับ 46.0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.63 และต่ำกว่าที่นัก วิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47.0 โดยดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐ และเป็นการหดตัวติดต่อ กันเดือนที่ 8 - นักลงทุนจับตารายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 13-14 มิ.ย.66 ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธ รวมทั้งการเปิดเผยตัว เลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ - ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้าย เดือนมิ.ย., ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย., คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการ ประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาค เกษตรเดือนมิ.ย.