Investing.com - ห้าสิ่งที่คุณควรทราบเพื่อเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้
1. เฟดอาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม
เฟดจะประกาศ ผลการพิจารณานโยบายทางการเงิน ครั้งล่าสุดในวันพุธนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนมากคาดว่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่ความกังวลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นผลพวงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน อาจส่งสัญญาณให้เฟดเตรียมตัวเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ตัวเลขตลาดแรงงานประจำเดือนพฤษภาคมที่อ่อนแอและอัตราเงินเฟ้อที่ซบเซาเกินคาด ต่างก็เพิ่มความน่ากังวลต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจทั้งสิ้น
ตลาดจะพากันจับตาการเปลี่ยนแปลงในท่าทีของประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ ที่เคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนว่า เฟดจะ "ดำเนินการตามความเหมาะสม" ต่อความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางการค้า
นอกจากนี้เฟดก็จะรายงานผลคาดการณ์ทางเศรษฐกิจล่าสุด รวมถึงภาพรวมทางด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และแผนภูมิแบบจุด ซึ่งแสดงผลคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างเป็นทางการอีกด้วย
2. ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางญี่ปุ่น
นอกจากเฟดแล้ว ตลาดยังให้ความสนใจกับการประชุมรายปีของธนาคารกลางยุโรปเป็นระยะเวลาสามวัน ณ กรุงซินตรา ประเทศโปรตุเกส อีกทั้งการประชุมนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นและอังกฤษด้วย
เมื่อสองปีที่แล้ว ณ กรุงซินตรา นายมาริโอ ดรากี เป็นผู้จุดชนวนให้เกิดการเทขายพันธบัตรรัฐบาลครั้งใหญ่ด้วยการกล่าวถึงการพลิกฟื้นทางเศรษฐกิจฝั่งยูโรโซนว่า "กำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างเป็นวงกว้าง" ทว่าสองปีให้หลัง นายดรากีก็ได้เปลี่ยนท่าทีหลังเกิดสัญญาณการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแรง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีก
ส่วน ธนาคารกลางญี่ปุ่น ก็จะมีการพิจารณานโยบายทางการเงินในวันพฤหัสบดีนี้ แต่เหล่านักเศรษฐศาสตร์ต่างก็คาดการณ์ไว้ว่าธนาคารฯ จะคงนโยบายทางการเงินไว้ดังเดิม
คล้ายคลึงกับ ธนาคารกลางอังกฤษ ที่ตลาดส่วนมากคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ดังเดิมในที่ประชุมนโยบายทางการเงินช่วงครึ่งหลังของวันพฤหัสบดีนี้ โดยมีนักเศรษฐศาสตร์บางท่านที่รอสังเกตการเกิดเสียงแตกในการประชุมครั้งนี้ภายหลังจากเมื่อปีที่แล้วเคยมีมติเป็นเอกฉันท์มาโดยตลอด
3. ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่น่าจับตา
ตัวเลข ราคาบ้านจีน ประจำเดือนพฤษภาคม และ ดัชนีความเชื่อมั่น ZEW ที่น่าจับตาอย่างใกล้ชิดของเยอรมนีต่างก็มีกำหนดการประกาศในวันอังคารนี้ ส่วนวันพุธจะมีการรายงาน ตัวเลขการส่งออก ของญี่ปุ่นและ อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักร และในวันพฤหัสบดีจะมีการประกาศ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจจากฟิลาเดลเฟีย ของสหรัฐฯ และ ยอดค้าปลีกอังกฤษ รวมถึง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ของฝั่งยูโรโซนประจำเดือนมิถุนายน
ปิดท้ายสัปดาห์ด้วยตัวเลขสำคัญที่จะบ่งบอกถึงสุขภาพของเศรษฐกิจโลก นั่นก็คือบรรดาดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) โดยดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ยังคงรักษาจุดยืนอยู่เหนือระดับ 50 ไว้ได้ บ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่ยังเติบโตอยู่
4. ความคืบหน้าจากสถานการณ์การค้า
ผู้แทนทางการค้าสหรัฐฯ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ มีกำหนดการให้การต่อหน้าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในวันอังคารนี้ระหว่างกระบวนการพิจารณาวาระทางการค้าของทรัมป์
ประธานสภาฯ นายริชาร์ด นีล (D-MA) ได้กล่าวไว้ในแถลงการณ์ว่า กระบวนการพิจารณาจะครอบคลุมถึง “การเจรจาระหว่างจีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร, NAFTA/USMCA ใหม่, การเข้าร่วม WTO ของสหรัฐฯ และประเด็นอื่น ๆ "
การให้การครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความคลางแคลงใจว่า สหรัฐฯ และจีนจะสามารถยุติประเด็นปัญหาทางการค้าได้หรือไม่ในที่ประชุมทางการค้า G20 ที่จะเกิดขึ้นสิ้นเดือนนี้
5. สัปดาห์ที่เงียบเหงาของการประกาศผลประกอบการ
Adobe Systems (NASDAQ:ADBE) เตรียมรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองหลังเวลาปิดตลาดในวันอังคารนี้ นักวิเคราะห์โดยเฉลี่ยคาดว่าบริษัทจะทำกำไรได้ $1.78 ต่อหุ้น และมีรายได้ $2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Adobe ได้ทำให้นักวิเคราะห์ผิดหวังด้วยการรายงานตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรสำหรับไตรมาสนี้ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด
ส่วนบริษัทผู้ผลิตกัญชารายใหญ่ที่สุดของโลก Canopy Growth (NYSE:CGC) และบริษัทผู้ค้าปลีก Kroger (NYSE:KR) ต่างก็เตรียมรายงานผลประกอบการวันพฤหัสบดีนี้
--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์